ตำแจ่วบองกินกันเถอะ
...........
...........ลูกอีสานตำแจ่วบองเป็นทุกคนแหละ พ่อแม่เลี้ยงด้วยแจ่วบองเดือนละ 30 ครก (กินทุกวัน)ปีละ 360 ครกกว่าจะโต ก็นับพันครกแหละ ทำไม่เป็นแต่รู้จำได้ว่าทำอย่างไร แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่ เป็น
จริง ๆ เพราะเกิดมาพร้อมกับนมวัว แม่ป้อนไข่่ต้มประจำ แจ่วบองไม่ได้มันเผ็ดไม่ให้ลูก กิน ขนมก็มี
เยอะแยะ จนจำไม่ได้ เวลาลูกอยากขนมมันก็ชี้รูปเอา หรือไม่ก็พาไปเซเว่น สม น้ำหน้าพ่อแม่มัน โตหน่อยลูกมันร้องจะกินแต่ขนม ลืมตามายังไม่ทันแปรงฟันเลย วิ่งเข้า เซเว่นแล้ว พอถึงวัยเรียน เข้าอนุบาล 1 เองนะค่าขนมวันละ 10 บาท ดีใจอวดเราอีกว่าลูกซื้อ ขนมเองเป็น พออนุบาล 2 กินจุมาก
ขึ้น 20 บาท อนุบาล 3 ก็ 30 บาท ชักบ่นแล้ว ไม่ต้อง ถามหรอกว่า ป. 1 วันละเท่าไร
.....นอกเรื่องแล้วจะทำแจ่วบองให้ลูกกินนะนี่ ลูกตามันพวกลูกครึ่ง เก่าครึ่งใหม่ครึ่ง อยู่ กับพ่อกินอาหารลาว แต่แม่เขาโตอยู่กรุงเทพทำกับข้าวลาวสู้ตาไม่ได้หรอก ลูก ๆ ติดแจ่วบอง ไปเรียนหนังสือต้องเอากระปุกแจ่วบองไปกินด้วย มันเอาแจ่วบองทาขนมปังปิ้ง แสดงว่ามัน เลียนแบบพ่อมัน ปีหนึ่งตาไปดูงานที่ญี่ปุ่น แอบเอาแจ่วบองใส่ขวดแยมผลไม้ไป 2 ขวด ข้าวเหนียว 1 ห่อ ข้าวเหนียวหมด เลยได้ใช้ขนมปัง เวลาจะกินต้องไปกินในห้องน้ำ เพื่อน ได้กลิ่นตามมาขอเอี่ยวด้วย เขียนบันทึกไว้ในนิราศโตเกียว เรื่องจริงไม่ได้แกล้งเขียน
.....เครื่องตำแจ่วบอง สมัยโบราณ(2491) มีแค่ พริกกับปลาร้า แม่เสียบพริกดิบเจ็ด เม็ด เผาไฟ ตำให้แหลกแล้วเอาปลาร้าปลากระดี่ดิบ ๆ 3 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงไป ลูกสองคนหลาน 1คน กินเป็นอาหารเช้าก่อนไปเรียน แถมมันเหลือห่อใบตองใส่ห่อข้าวให้ไปกินที่โรงเรียน อีก กระเทียมหอมแดงไม่มีใส่เหรอ อย่าฝันเลยไม่มีดอก ที่สมัยนี้เครื่องปรุงมันเยอะมาก เพราะการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ทำให้แจ่วบองมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย คนกินเห็น อะไรน่าจะอร่อยก็ลองใส่ดู โดนว่ากินดิบ ๆ พยาธิเยอะ แถมเอารูปพยาธิไปให้ดูก็ขยาด ๆ นะ แจ่วบองเลยไม่ค่อยจะกินดิบ ๆแล้ว เขาพัฒนาใส่ พริกแห้งแบบเม็ดใหญ่สีแดง ๆ พริก ชี้ฟ้าแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ มะขามเปียก ปลาย่าง ใบมะกรูด
......พริกแห้งทั้งสองชนิด คั่วให้สุกหอม ป่นละเอียด แยกกันไว้ใส่ขวดโหลไว้แล้วกัน ตะไคร้ ข่า หอมกระเทียม พวกนี้ หั่นแล้วตำให้ละเอียด เอาไปเจียวให้สุกหอม.หาถ้วยเล็ก ๆ ใส่วางไว้ ถ้วยกระเทียมเจียว หอมเจียว ตะไคร้เจียว ข่าเจียว ส่วนใบมะกรูดไม่ต้องตำ หั่น แล้วทอดกรอบ ใส่ครกบดเบาๆก็แหลกแล้วตาให้แยกเอาไว้จะได้ดูยุ่งยากสมราคาหน่อย ปลาย่างใส่เวบอุ่นหน่อยจะได้แกะก้างออกเอาแต่เนื้อป่นให้แหลกมะขามเปียกเลือกเอา แต่เนื้อมะขามเม็ดและเส้นใยไม่เอา ทีนี้ปลาร้าค้างปี ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ได้ทั้งนั้น เอาแต่ ตัวปลา รำ ข้าว ที่เขาใสในปลาร้า เลือกออก ล้างให้สะอาด ชิมดู เค็มมากไหม เค็มน้อยไม่ เปลืองมะขามเค็มมากก็ สี่ห้าฝัก สะเด็ดน้ำแล้วก็เอาไปสับให้ละเอียดได้เนื้อปลาร้าซัก ครึ่งกิโลกรัม นี่ไงตัวเล็กตัวใหญ่จึงไม่มีผล สำคัญที่ปลาร้าอร่อยไหม ปลาร้าสับลงกระทะ คั่วให้สุกหอมแล้วพักรอปรุง
............ใช้ครกขนาดใหญ่หน่อย ไม่มีไปหาซื้อเอาตลาดมีขาย พริกป่นจากพริก ชี้ฟ้า ต้องการรสเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะพูน พริกป่นจากพริกใหญ่สีแดง ๆ 3 ช้อน อันนี้ไม่เผ็ด แต่ต้องการสีแดง ๆของมัน บางทีแกะเอาแต่เปลือกแดง ๆ มาทำชอบหลาย ถัดไปก็ กระเทียม เจียว 2 ช้อน หอมเจียว 1 ช้อน ตะไคร้ 3 ช้อน ข่า 1 ช้อน ใบมะกรูด 1 ช้อน ทีนี้รู้ยัง ทำไมให้แยกถ้วยไว้ สากกะเบอมา ตำซะหน่อย พอมันเข้ากันดีก็ถึงคิวปลาย่างป่นครึ่ง ถ้วยตวง ตามด้วยมะขามเปียก สามฝัก(เค็มน้อย) 5 ฝัก (เค็มมาก) ตำต่อไปอย่าเพิ่ง
หยุด สุดท้ายก็ปลาร้าสับครึ่งกิโลใส่หมด ถือแส้ไว้อย่าให้คนมาใกล้จะขอชิม ต้องคนทำ ชิมเองสิ จะได้รู้ต้องเติมอะไร สุดท้ายถึงจะใส่ชูรส ไม่งั้นไม่ทันสมัย สูตรนี้ไม่ชอบน้ำตาล นะ เดี๋ยวจะคิดว่าตาลืม
....แจ่วบองสูตรนี้เหมาะสำหรับทำกินนะ ทำขายขาดทุนแน่นอนเพราะเครื่องปรุงเยอะ เหลือเกิน ไม่หวงนะใครจะเอาไปทำกินเชิญตามสบาย..........555
ขุนทอง ตรวจทาน 1/8/59
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น