วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

ทักทายรายสัปดาห์ 25-31 มีค.61





                                                               พุทธมณฑล นครชัยศรี


ทักทายรายสัปดาห์ 25-31 มีค.61
------------------------------
๏..ก่อนเขียนทักรายวัน................ก็สำคัญเขียนมากมมาย
รีบเขียนกระจุยกระจาย.................เร่งทันทักโพสรายวัน
๏..เนื้อหาทักทายบ้าง..................ส่งพรอ้างคอยเสกสรรค์
สาระมีบางอัน..............................ตามแต่เหตุจะเหมาะควร
๏..นานวันชักเมื่อยล้า...................รายสัปดาห์ลองนึกหวน
คงไหวเลยทบทวน......................แต่นี้ไปรายสัปดาห์
๏..ทักทายสวัสดี..........................บอกไมตรีญาติกา
เพื่อนพ้องมิตรนานา.....................แถมอวยพรสวัสดี
๏..เลียนแบบพระท่านใช้...............จำขึ้นใจยินสัพพี
จัตตุพรท่านชี้..............................อายุมั่นวัณโณงาม
๏..สุขกายสบายใจ......................ปลอดโรคภัยมิคุกคาม
พลังแกร่งทุกยาม........................ครบสี่อย่างจตุพร
๏..แถมด้วยสรรสาระ.....................วิริยะเพียรอักษร
ข่าวสารอัตถ์ธรรมธร......................บุญกุศลว่ากันไป
๏..รูปแบบถนัดกาพย์....................ยานีทราบคอยขานไข
แต่งง่ายสบายใจ...........................มิติดขัดยึดเป็นแนว
๏..โคลงกลอนคงแทรกบ้าง.........อ้างกันลืมเสาะสืบแถว
แผนผังแบบล้วนแล้ว.....................เขียนบ่อยบ่อยจึงจักดี
๏..โอมตรีรัตนะ............................กราบพุทธะพิสุทธิศรี
นบธรรมคุณมากมี........................นมัสการพระสังโฆ
๏..นบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์...................ผู้มากอิทธิมโน
ทรงฌาณอภิโญ..........................อภิวัฒน์บารมี
๏..ขอพรฝากผองมิตร...................สุขสมจิตเกษมศรี
สุขสมภิรมย์ฤดี.............................สุขสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล
๏..ห่างไกลภัยเคราะห์เข็น...........สบเยือกเย็นทั่วสกนธ์
บารมีบุญกุศล..............................ก่อพลังอันเกริกไกร
๏..การงานธุรกิจ...........................ล้วนสัมฤทธิ์ประเสริฐไฉน
ก้าวหน้าทุกกิจไป.........................สถิตมั่นจรูญเจริญ
๏..ทราบข่าวอลัชชี.......................ทำกาลีมิขัดเขิน
บวชแล้วมัวเพลิดเพลิน...............ความสนุกสุขสบาย
๏..ข้าวปลามิต้องซื้อ.....................เพียงถือบาตรไปตามสาย
ได้ของมามากขาย........................หากินง่ายไม่ยากเย็น
๏..แบบนี้รวยมิยาก........................หากรับเอาสิ่งที่เห็น
สะสมมากมากเป็น.........................คลังเก็บของค่อยเลือกดู
๏..หลายอย่างมันขายได้.................แลกเปลี่ยนไปเป็นเงินรู้
วันหลังเชิญพธู..............................ตั้งแผงขายเอาตรงตรง
๏..ดอกไม้ธูปเทียนมี.....................ขนมซีอย่าลืมหลง
กับข้าวด้วยอย่างง.........................ใส่บาตรพระจะได้บุญ
๏..ตาเถรนั่งเก้าอี้...........................เสื่อลาดมีเชิญนั่งคุณ
ตักบาตรแล้วอบอุ่น........................พระยถาว่าสัพพี
๏..เต้ากรวดน้ำมีให้........................เชิญหยิบใช้ตามวิถี
เข้าท่าทำบุญชี้..............................ครบกระบวนสบายใจ
๏..ของทานเต็มเข่งเพียบ................ตามระเบียอย่าสงสัย
สีกาเขาว่องไว...............................เลือกไปวางแผงอีกที
๏..เห็นแล้วก็สะอึก........................นึกมิถึงอลัชชี
หากินกันแบบนี้.............................อยู่ที่ไหนใคร่จักดู
๏..ส่วนมากพบในเมือง....................เห็นแล้วเคืองนึกอดสู
ทำไมท่านพระครู...........................กินจุนักเป็นเข่งเลย
๏..อีกข่าวท่านพระครู......................ท่านเอ็นดูเด็กเฉยเฉย
โอบอุ้มเล่นเพราะเคย......................เมตตาเด็กเป็นมานาน
๏..เสียดายเป็นเพศหญิง..................โตไวจริงแก้มก็บาน
อกอิ่มพิมพ์ตาหวาน........................ช่างอวบอัดน่ารัดจริง
๏..แบบเป็นรูปทานนี่.......................บุญคงมีมากน้องหญิง
เดี๋ยวเสกมนต์จงนิ่ง.........................มนตราฉันขลังมากมาย
๏..เข้าห้องลับตาคน........................บ้าเสกมนต์ผ้าผ่อนหาย
ปาราชิกวุ่นวาย................................ถูกจับสึกท่านพระครู
๏..อีกข่าวพระวัยรุ่น.........................ไปทำบุญบ้านโยมสู
 เมืองชลไกลน่าดู...........................ขับเก๋งเองมาพร้อมกัน
๏..เสร็จงานบุญแวะเที่ยว................หาดทรายเชียวมาพร้อมสรรพ์
แบบเป็นนักเที่ยวนั้น........................ชุดเหลืองเหลืองน่าศรัทธา
๏..มากมายยิ่งบาดแผล....................แลทางไหนเจอปัญหา
หลายเรื่องชาวประชา.......................มิรู้เรื่องมิสนใจ
๏..ตัวอย่างนิตยภัตต์........................กรมกองจัดมิสงสัย
ถวายเป็นปัจจัย...............................พระสังฆาธิการกัน
๏..ถวายเจ้าอาว่าส.........................นับเป็นบาทเดือนหนึ่งนั้น
สิบแปดร้อยสำคัญ..........................ให้ทุกวัดสบายสบาย
๏..ตำแหน่งเจ้าคณะ.......................ทุกระดับแลทุกสาย
ตำบลอำเภอราย............................แลจังหวัดจัดสรรมี
๏..เจ้าตัวดำรงอยู่...........................ย่อมรู้กิจตามวิถี
สิ้นเดือนมิรอรี................................เบิกจ่ายได้ระเบียบการ
๏..บางคราวตัวไม่อยู่.......................แต่มีผู้ไปว่าขาน
ขอเบิกขอจัดการ............................หากได้มาไม่เป็นคุณ
๏..นั่นคือปาราชิก...........................บาปมันจิกอย่าไปหนุน
ทำผิดมิใช่บุญ................................บาปล้วนล้วนพึงเข้าใจ
๏..อีกเรื่องเงินอุดหนุน....................เขาทำบุญมิสงสัย
ปริยัติสอนกันไป.............................กรมจัดสรรงบประมาณ
๏..สำนักสอนนักธรรม.......................รับประจำปีว่าขาน
หมื่นห้าช่วยกิจการ..........................ถวายรวมจัดกันไป
๏..สำนักสอนบาลี...........................ปีสองหมื่นก็พอไหว
รายหัวนักธรรมได้............................หัวละร้อยนับจำนวน
๏..อื่นอื่นมีอีกมาก............................มิยุ่งยากตามกระบวน 
มันยุ่งเพราะคนชวน.........................ทำนอกกรอบหวังเพิ่มคุณ
๏..นักเรียนสามสิบองค์.....................แจ้งจำนงเพิ่มเงินหนุน
บอกไปสี่สิบบุญ...............................เกินตั้งสิบรายงานไป
๏..กำไรตั้งพันบาท..........................แต่ศีลขาดอย่าสงสัย
ปาราชิกภัย.....................................หมดภาวะพระทันที
๏..ขอโทษที่พูดถึง..........................ด้วยคำนึงตามวิถี
อยากให้คนทำดี.............................อย่าแผ้วพานมารรบกวน
๏..หลงผิดเงินนิดหน่อย..................พลอยชิบหายยากกลับหวน
เตือนภัยในกระบวน........................งบประมาณพึงระวัง

เขียนถึงยายบ้างสิ


                                       

ไปเที่ยวสวนนงนุชพัทยา


เขียนถึงยายบ้างสิ
.........ยายบ่นให้ฟังบ่อย ๆ ว่าดีแต่เขียนถึงคนอื่น ไม่เห็นเขียนถึงยายบ้างเลย คอยอ่านอยู่นะ ก็แปลก ๆนะยาย ชวนไปก็ไม่ไปแล้วยังจะให้เขียนถึงอีก เขียนออกมาก็มีแต่คนอื่นน่ะสิ ที่ไปก็เป้นเรื่องที่เขียนแล้ว ก็พวกตลาดนัด ตลาดสด เขียนอีกก็ซ้ำสิยาย เอาที่ใหม่บ้าง ก็กำลังนึกอยู่นะว่าจะเขียนอะไรดี เอางี้แล้วกัน มีวีรกรรมอะไรน่าสนใจไหม เอามาเขียนก็ได้น่ะ เออก็ได้เยอะแยะเลย แต่พอจะเขียนก็นึกก่อน...
.........เอาชื่อแล้วกัน คนชื่อเยอะไง เห็นว่าตอนสาว ๆ เพื่อนเรียก นิภา นะ ทุกวันนี้เพื่อนนักเรียนพยาบาล ก็ยังเรียกนิภาอยู่ แสดงว่าชื่นี้ใช้อยู่หลายสิบปี แต่อย่าถามนะว่ามันมีความหมายว่าอะไร เลยไปเปิดพจนานุกรมดู เห็นบอกว่า แสงสว่าง  ประกอบด้วยคำ นิ อุปสรรคเป็นคำสำหรัยเติมหน้า ความหมายว่า เข้า ลง ไม่มี ออก ชัด   และคำ ภา แปลว่าแสงสวาง รวมเป็น นิภา ความหมายก็ แสงสว่างที่ชัดแจ้ง
......ต่อมาได้ยินเรียก "อรภา" เห็นว่าลูกสาวเลือกให้ เห็นเป็นปลื้มเที่ยวบอกให้คนอื่นทราบเช่นเคยแหละไม่รู้ความหมายมันหรอก แต่ว่าเพราะดี ใช้อยู่นานหลายเหมือนกัน ตอนรู้จักกันก็ใช้นาม อรภา นี่แหละ ก็ไม่อยากแปลหรอก เพราะแปลแล้ว มันออกจะเกินพอดีมั้ง อรเขาแปลว่านางงาม นางผู้งดงาม หญิงสาว  ภา ก็แปลว่าแสงสว่าง อรภา ก็คงหมายถึงนางงามผู้มีแสงสว่าง ก็ดีแล้วนี่  นึกว่าจะจบ
.......ลูกสาวอีกและ บอกว่ามาเปลี่ยนชื่อให้มีความหมายที่เป็นศิริมงคลกันเถอะ  ยินเข้าก็หูผึ่งเลยสิ ซื้อตำราตั้งชื่อมาเปิดกัน แล้วต่อมาไม่กี่วันก็ได้ชื่อใหม่กันคนละชื่อ คุณแม่ได้ ชื่อ"ธนัญธร" แปลความตามถ้อยคำมีคำ  ธนํ + ธร ธน แปลได้ว่าทรัพย์สินเงินทอง ธร แปลว่าทรงไว้ ดำรงไว้ เก็บไว้ ก็คงหมายถึงคนมีเงินทองนั่นเอง ชื่อความหมายดีมากนะ แต่ชีวิตจริงดีเหมือนชื่อคงจะดีไม่น้อย เห็นจ่ายหนักแทบทุกเดือน ไปแอบดูแถวแมคโครก็ได้ จนเด็กเขาถามว่าคุณป้าเปิดร้านขายของชำเหรอคะ ซื้อของทีละเต็มรถ..ยายบอกเปล่าซื้อตุนไว้ไม่ต้องมาบ่อย
........ครบแล้วนะเรื่องชื่อ ต่อไปเอาเรื่องอะไรล่ะยาย ความเชื่อดีใหม ยายมีความเชื่อพิเศษกว่าคนอื่นหลายอย่างที่นำมาเขียนได้นา... เอาสิ เรื่องอะไรบ้างล่ะ
........1.. สะสมของศักดิ์สิทธิ์ พระ เครื่องราง  สมัยเป็นพยาบาลประจำตึกสงฆ์ ได้ดูแลพระภิกษุอาพาธ เลยรู้จักพระอาวุโสหลายรูป หลายท่านกลับมาธุระเยี่ยมไข้ มีพระเครื่อง พระพุทธรูป มาฝาก เวลาออกไปเยี่ยมวัด ดูแลสุขภาพพระเณร ก็ได้ของฝากเป็นเครื่องลางของขลังประกอบกับบ้านใหญ่ที่เคยเติบโตมาก็นิยมสะสมพระ เลยได้รับอานิสงส์มาด้วย ทำให้ที่บ้านต้องมีห้องพระ เคยนับดู เกินจำนวนร้อย เคยแซวยายว่า การสะสมพระต่างรุ่นต่างสำนักไว้รวมกัน ไม่ค่อยดีนะ ขนาดพระเณรต่างสำนัก ต่างสังกัด อยู่รวมกันวัดแทบแตกเลย ลองดูสินิมนต์วัดบ้านกับวัดป่าสวดมนต์ฉันเช้าร่วมกัน รับรองไม่เป็นมงคลแน่ แล้วจะทำยังไงล่ะ ก็บอกว่าถ้ามีคนขอก็แบ่ง ๆเขาไปบ้าง ที่ยังอยู่ก็หมั่นเอาน้ำหอมมาพรมให้ จะได้เย็น ๆ 15 วันครั้งก็ยังดี
.......2.มีศรัทธาจริต ค่อนข้างจะเหนียวแน่น โดยเฉพาะความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระภูมิ เจ้าที่เทวดาอารักษ์ ก็พยายามให้ข้อมูลนะว่า ความจริงแล้ว พระภูมิเจ้าที่ที่เรานับถือ เป็นเทพ ชั้นตำ มีวิมานอยู่บนพื้นดิน ถึงได้ชื่อพระภูมิ มีวิมานบนต้นได้เรียกรุกขเทพ มีวิมานบนอากาศเรียกอากาสเทพ อยู่กันละภูมิกับเรา เราอยู่มนุสภูมิ เขาอยู่เทวภูมิหรือสวรรค์  บังเอิญโลกเรามันมีหลายภูมิซ้อนกันอยู่ เช่น เดรัจฉานภูมิ มนุสภูมิ และสวรรค์ชั้นต่ำ ต่างคนต่างอยู่ ที่เราไปสร้างศาลสวย ๆให้เทพ เขาก็ขำ ๆ เท่านั้นเอง เพราะวิมานเขาล้วนเป็นวิมานเงินวิมานทอง ราคาหลายสิบล้าน ร้อยล้าน จะให้มาอยุ่ศาลพระภูมิที่เราตั้งให้ อยู่เข้าไปได้ไง ขำตายชักอ้อแถไปไกลแล้ว ศรัทธาของยายเขาจะชอบกราบไหว้เทพ พระภูมิ ต้นไม้ เขาบอกต้องมี
เทพอยู่ ไหว้ก่อนจะได้เป็นมงคล  นั่งรถผ่านศาลพระภูมิของใครแกไหว้ไปหมดแหละ ก็ดีนะเวลาคนไม่รู้จักกันมายกมือไหว้ ยายทำหน้ายังไงล่ะ...พระภูมิก็คงแบบนั้นแหละ งง ๆ  
........3. ชอบซื้อ อะไรที่ดี สวยงาม เป็น มงคล ราคาถูก มักขายยายได้เสมอ ทางโทรศัพท์ทางไลน์ ทางเฟซ ยังขายได้เลย เมื่อก่อนยายไปเดินห้าง ก็จะเลือกซื้อของต่าง ๆ ตามแต่จะเจอแล้วชอบ ไม่แพงมาก  แต่เดี๋ยวนี้ ยายเล่นไลน์ เล่นเฟซ เก่งมาก เปิดดูเขาโฆษณาขายสินค้า ผ่านไปสองสามวัน อ้าวใครส่งพัสดุ พ.ก.ง. มาให้ บ่อยเข้าจึงซักถามดูถึงรู้ ของยายเมื่อก่อนเป็นหินที่ใช้ร้อยเป็นสร้อยข้อมือ สร้อยคอ ชอบมาก มีตำราเปิดดูด้วยนะ หินอะไร มีพลานุภาพด้านไหน เห็นวางเต็มกล่องเก็บ ไม่ใช้สักเท่าไร เรายังได้ใช้เป็นสร้อยห้อยจตุคามรามเทพด้วยเส้นหนึ่ง เลยให้เก็บไว้ก่อน เพราะเทพชั้นผู้น้อย แค่ระดับทวารบาล จะมาแขวนคอระดับเรา อยู่ด้วยกันไม่ได้  เพราะเราถือ รัตนตรัย ระดับพระอริยะเจ้า สูงกว่าเทพตัวเล็ก ๆหลายชั้น ก็เลยเงียบ ๆไป เหลือแต่พวกเสื้อผ้า กระเป๋า ซื้ออยู่เรื่อย ลูกหลานมาเยี่ยม เลยมีของฝากใหม่ ๆให้อยู่เสมอ เพราะใช้ไม่หวาดไม่ไหว
........4. รักหมามาก  ยายบอกเองเมื่อก่อนเกลียดหมา เพราะมันดุ เคยเห็นหมารุ่นก่อน ยายเลี้ยงแบบขังกรง ไม่กล้าปล่อย มันเลยค่อนข้างดุ  หมาที่เลี้ยงทุกวันนี้ มีกรงให้อยู่ ปล่อย 2 กะกะกลางวัน สองตัวเล็ก กะกลางคืนตัวใหญ่มี 4 ตัว แต่ละตัวมีประวัติไม่เบา
........1)คุณบึ๊ก เดิมเขามีนังหมี หมาพันธุ์ผสมขนสีดำสนิท ตัวเมีย ให้คนเขาไป เหลือลูกมันไว้ 1 ตัว สีนำสนิทเหมือนแม่ แปลกที่โตขึ้นมันดุ ไม่ชอบหมาเล็ก ๆ เจอเป็นกัด ถึงตาย ปกติท่าทางเป็นหมาใจดี ไม่รู้เหมือนกันทำไม หมาแคระตัวแรกคือ "ซูโม่" แย่งจากปากไม่ทันถึงตายคาที่  ตัวที่ 2 "ทาโร่" นึกว่าเก็บตัวใหญ่แล้ว ปล่อยตัวเล็กออกมาโดนฟัดไส้ไหล แย่งทันหมอเย็บสิบเข็ม
........2) คุณบั๊ก น้องชายยายเอามาฝากเลี้ยง สงสัยจะฝากยาวเลยเลี้ยงเป็นเพื่อนเจ้าบึ๊กแต่หมาก็คือหมา เวลาปกติก็เป็นเพื่อนกัน เล่นกัน กินอาหารก็คนละกระบะไม่ค่อยได้แย่งกันแต่เวลาจีบสาว ไม่มีใครยอมกัน ตายเป็นตาย เจ้าบั๊ก ตัวเล็กกว่า กัดกันต้องช่วยแยก กลางคืนช่วยกันลาดตระเวณดี คนแปลกหน้าเข้ามาไม่ได้หรอก ขนาดแมวแปลกหน้าหลงมาตายเรียบ
........3) คุณซูก้าร์ ลูกสาวเขาเห็นแม่ชอบหมา เลยหาพันธุ์สวย ๆมาฝาก เป็นตัวเมีย สีดำ คล้ายหมาที่เขาฝึกเป็นสุนัขตำรวจ อารมณ์ดี ขี้เล่น แต่เป็นนักล่าชั้นยอด เคยเห็นกับตา แมววิ่งบนกำแพงตอนเช้า ๆสักเจ็ดโมง ยังไม่ได้เก็บหมาเข้ากรง ออกหลังบ้านเห็นเจ้าซูการ์เดินย่องริมกำแพง อ้าว บนกำแพงมีแมววิ่งมา มันโดนงับ ร้องห้ามไม่ทัน ตายคาที่ วิธีเดียวกันเวลาไก่บินเกาะกำแพง ไม่เหลือหรอก เพราะเราห้ามไม่ทัน
.........4)คุณซู่ซ่า ลูกสาวคุณซูการ์ แต่ผ่าเหล่าผ่ากอ แม่สีดำสนิท ซูการกลับสีขาวบริสุทธิ์นิสัยขี้เล่น ชอบวิงชน พันแข้งพันขา ประตูบ้าน แง้มไม่ได้เปิดเองเป็น เข้ามาเดินอวดแล้วออกไป เวลาต้องเขากรง วิ่งน้ำหน้าเขา แต่วิ่งเลยไป ตัวอื่นเข้าหมดค่อยอ้อมมายืนมองหน้าเราก่อนค่อยมุดเข้ากรง ยายรู้สึกจะชอบซูการ์ แต่ก็กลัวมันวิ่งชน เพราะตัวโตน้ำหนักมาก.........5) คุณคุกกี้ หมาพันธุ์ผสมตัวเตี้ย สีขาวน่ารัก น้องสาวเขาให้มาแต่ตัวเล็ก ๆ รักมากนอนกอดกันประจำ นิสัยซื่อ ๆ ขี้งอน ยายชอบมาก ของฝากมีให้ประจำพวกไก่ย่าง หมูย่าง ถ้าไม่ได้ก็งอน ไม่ยอมกินข้าวที่คลุกให้ เวลายายนั่งเก่าอี้ก็โดดนั่งตัก กลายเป็นหมาโปรดไป
..........6) หมาพันธุ์ตัวเล็ก ลูกสาวซื้อมาจากจตุจักร เป็นของขวันวันเกิดแม่ เขาบอกชื่อพันธุ์เหมือนกันแต่จำไม่ได้ ป้ายแขวนคอมาชื่อ ฟาโร ยายอุ้มของขวัญมาอวดเราบอกว่า ตา ๆ มาดู ฟาโร ซิ น่ารักไหม เราก็ขำ หมาชื่อฟาโร เลยบอกว่า น่าเกรงขามมากกว่า ว่าไงท่านฟาโรหย่าพระถันรึยัง อ๋อ หย่านมน่ะ นึกราชาศัพท์ไม่ทัน  แล้วท่านฟาโร เหวยอะไร อาหารเม็ดหรือที่วังเรา ต้องเหวยข้าวคลูกพระอัฐิไก่นะ ยายบอกบ้า พูดราชาศัพท์กับหมา อ๋อหมาธรรมดาที่ไหน เขาเป็นฟาโร ต้องให้เกียรติกันหน่อย สงสัยจะเข้าใจเลยพยายามหาชื่อใหม่ เลยบอกชื่อ  ตาโร่แล้วกัน ตัวผอม ๆ ตาโต ๆ อีสานเราเรียก ตาโร่ ใกล้เคียงชื่อเดิมด้วย พอเรียก ตาโร่มันกระดิกหางชอบใจ คงนึกว่าเป็นชื่อเดิมมั้ง ต่อมาเปลี่ยนเป็นทาโร่ ให้ดูสุภาพหน่อย ทาโร่ขี้ตกใจ ขี้ประจบ ปล่อยออกวิ่งมาหายายเห่าประจบ แรก ๆยายไม่รู้ แต่เราเขาใจหมามินหิวมาขอกิน บอกลองหาของให้กินสิ ใช่เลย แต่นั้นมาไม่วิ่งหาคนอื่นหรอก เลยบอกว่ามันฉลาดนะ รู้ว่าประจบใครถึงจะได้กิน ตอนนี้ไปเที่ยวกลับบ้านต้องมีของฝากหมา ขาดไม่ได้
.........ยายรักต้นไม้ ชอบปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เห็นอะไรสวย ๆอยากได้มาปลูก  แบบกระถางสวยดีนะ หาซื้อมาลงกระถางเต็มบ้าน ว่านหลากสี ใบสวย งามดีนะตา งามก็งาม ไปเห้นไม้ที่เขาผูกมักติดกิ่งไม้ ท่อนไม้ กระเช้า พวกกล้วยไม้ต่าง ๆ สวยดีนะตา ไม่นานก็รอบบ้านไปเชียงใหม่เห็นกำแพงต้นไม้หน้าที่พักสวยดี เอาบ้างทำร้านแล้วยกกระถางไปแขวน ได้สองกำแพง ยังไม่เบื่อรดน้ำรดปุ๋ยให้ก็ดูงามดี  แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การตัดแต่งกิ่ง ยายตัดแต่งยังกะเป็นพยาบาลคือตัดแต่งสะอาดดี หลายต้นเลยไม่ฟื้นเพราะตัดแต่งหนักไปหน่อย
.........ยายรักตาไหม เขียนถึงรักอื่น ๆมามาก ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดามั้ง ยายก็เหมือนคนอื่น ๆแหละรักญาติพี่น้อง รักลูกหลาน ดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลเสมอ สำหรับตามาอยู่กับยายปี 2548ยายก็ดูแลด้วยดีเสมอมาไม่มีอะไรบกพร่อง ตาก็รักและชื่นชมยายเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล เป็นไงยาย เขียนถึงแล้วนะ เดี๋ยวเอาขึ้นเวบบลอคให้


วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561

ไปดูเกาะสีชัง

                                                 ทิวทัศน์อ่าวเกาะสีชัง


........เพราะชอบโพสภาพลงเฟซ ใหม่ๆสด ๆ เพื่อบอกเพื่อชาวเฟซว่ากำลังไปไหนวานนี้เป็นภาพกำลังนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือเกาะลอยศรีราชา ไปยังเกาะสีชัง เลยถูกทักว่าคงไปเที่ยว อยากให้เล่าเรื่องราวไปเที่ยวให้ฟังหน่อย ครับถูกต้องไปเที่ยวกัน เพราะลูกหลานเขาไม่เคยไป สำหรับเราไปครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เลยเรียกว่าไปดูเกาะว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็ไม่ได้หวังว่าจะมีอะไรแปลกใหม่หรอก อย่างมากก็คงเป็นความเจริญของบ้านเมืองที่ผ่านไปเกือบสิบปีถึงได้กลับมาดูอีก
........วันศุกร์ 16 มีนาคม 2561 ครูหน่อย สุรีรัตน์ หาญบัญญัติแจ้งว่าจะแวะมารับไปดูหลานชาย คุณนัทพล เดชไทย ลูกชายครูนก เขาผ่านการคัดเลือกชิงทุนเข้าเรียน ม.1 อัสสัมชัญ ศรีราชา ประเภทนักกีฬาฟุตบอล ก็ขำ ๆนะ ตอนเด็ก ๆ ดูเกะกะเก้งก้างไม่ค่อยแข็งแรง แม่เลยพาไปสมัครฝึกฟุตบอล ตั้งแต่เรียน ป. 3 มั้ง สุขภาพก็ดีขึ้น เล่นเก่งขึ้น จนแม่พามาสมัครเข้าโครงการกับเขา ต้องเทียวมาสองสามรอบ จนสุดท้ายบอกว่าผ่านการคัดเลือก ได้เข้าเรียนแล้ว เขาให้ทุนการศึกษาจนจบ ม. 6 ถ้าประพฤติดีขยัน สม่ำเสมอ ผลการเรียนไม่ตก ก็คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะชอบฟุตบอลอยู่แล้ว จะห่วงก็การเรียน อาจไม่ทันเพื่อนเพราะมาจากดอย ที่เขาเรียนเมืองทะเลแห่งภูเขาสุดหนาวในสยาม แต่เข้าใจว่าโดยสายเลือดแล้วไม่มีอ่อนด้อยเรื่องการเล่าเรียนหรอกน่าจะปรับตัวได้ โม้ยาวซะแล้ว เอาสั้น ๆคือจะไปแสดงความดีใจกับลูกสาวก็ครูนกนั่นแหละ กับหลานชาย ครูหน่อยจะมารับที่บ้าน

........ครูนกแจ้งว่าตอนเช้ายังไม่ได้พบหลาน เขามีกิจกรรมของโรงเรียนให้ทำ จะพบได้ก็ตอนบ่ายสามโมง แบบนี้ก็ว่างหลายชั่วโมงสิ ครูหน่อยมารับสามโมงเช้า จากแปดริ้วไปศรีราชาวิ่งบนมอเตอร์เวย์ ชั่วโมงเศษก็ถึงแล้ว เลยออกความเห็นว่า ไปเดินเล่นที่เกาะสีชังไหม ชมบรรยากาศแหล่งท่องเที่ยว ทานข้าวเที่ยงแล้วค่อยกลับมาครูหน่อยบอกครูนกเห็นว่าอยู่ว่าง ๆรอตอนบ่ายเหมือนกัน อยากจะไปดูด้วย ความจริงรู้อยู่ว่าไม่เคยไปกัน คงไม่ยอมพลาดแน่ ระยะทางจากท่าเรือศรีราชาไปเกาะสีชัง แค่
12 กิโลเมตรเอง นั่งเรือครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ตกลงไปด้วยกัน....
.......เกิดปัญหาจะเอารถไปฝากที่ไหน เพราะท่าเรือเดิมกำลังปิดซ่อม ท่าเรือใหม่คับแคบคงหาที่จอดยาก เลยพากันไปหาที่จอดที่ศูนย์การค้า แน่นเหมือนกัน เพราะเป็นวันเสาร์คนมาเที่ยวเยอะ จอดรถได้แล้วมาเจอกันหน้าห้างสรรพสินค้า ครูนกน้องเฟริสท์ แบงค์ สามคนพ่อแม่ลูกสาว ทางเราก็สามครูหน่อยกับพันธุ์ศักดิ์สามีรวมเป็น 6 คน นั่งตุ๊ก ๆสองคัน ไปท่าเรือ ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เรือกำลังจะออก เหลือ 12 ที่นั่ง ครูหน่อยจัดการตั๋วเสร็จก็ลงเรือกัน เขาให้ตัวใบหนึ่ง ราคา 50 บาท ก่อนโน้นเรือลำเล็กกว่านี้ ค่าเรือ สามสิบ วันนี้เรือลำใหญ่ ค่าเรือเลยแพงกว่าเก่ามั้ง...เพราะทางเท่าเดิมนี่นา หลานหัวเราะ เขาว่าโอเลี้ยงยังแพงกว่าเดิมเลยตา ก่อน10 บาทก็ว่าแพงแล้ว วันนี้เขาขาย 25 บาท แก้วเท่าเดิมนะ...เออจริงของมัน

                                                        ท่าเรือฝั่งศรีราชา


........นั่งสบาย ๆ แถวละสิบที่นั่ง ยาวเกือบยี่สิบแถว รวมชั้นบนด้วยน่าจะมีผู้โดยสารสองชั้นรวมกันเกินสามร้อยที่นั่ง เรือออกเดินทางไม่เห็นมีใครตกใจกลัว ดูลูกหลานคุยกันเพลินก็สบายใจ คงไม่มีใครเมาคลื่นหรอก เรือมันนิ่งมาก คลื่นกระทบกระแทกมันก็ไม่กระเทือน แค่สั่นเบา ๆ ค่อยนั่งสบายหน่อย เห็นคนอื่นเขาใช้มือถือเล่นเฟซเล่นไลน์ สงสารพวกขายสัญญาณเนต สัญญาณโทรศัพท์ คงคิดตังค์ไม่หวาดไม่ไหวเรายังช่วยซื้อสัญญาณเขาเลย แต่เอาเท่าที่จำเป็น ชอบถ่ายภาพมากกว่า มองนอกหน้าต่างเรือ เห็นพวกเรือเดินทะเลกระจายไปทั่ว ไม่รู้เขาทำอะไร จะว่าจับปลาคงไม่ใช่ ลำใหญ่ยังกะตึก บางลำมีปั้นจั้นสำหรับยกของหลายชุดด้วย น่าจะเป็นเรือสินค้ามากกว่า เห็นสะพานทอดยาวลงไปในทะเลจนถึงเรือสองลำ นึกขำ ๆ ว่ามันทำสะพานยาวหลายกิโลเมตรนะนั่น เห็นมีรถวิ่งไกล ๆ ยังกะรถเด็กเล่น คงวิ่งไปหาเรือแล้วกลับเข้าฝั่ง ก็แปลกดี สักสามสิบนาทีมองเห็นฝั่งเกาะแล้ว เขาบอกนั่นเกาะขาม เรือแวะ
ส่งผู้โดยสารสี่ห้าคน คงบ้านอยู่แถวนั้น เห็นหอบข้าวของเต็มมือทุกคน


                                                 ท่าเรืองฝั่งเกาะสีชัง
.......ออกจากท่าเรือเกาะขามเรือหันหัวไปทางเสาโทรศัพท์มั้ง ครูหน่อยบอกนั่นมันประภาคาร นะตา อ๋อ เคยได้ยินชื่อ แบบนี้หรือเรียกประภาคาร สมัยก่อนคงได้พึ่งแน่ไม่รู้สมัยนี้แล่นเรือยังต้องมองหาอยู่รึเปล่า เขาทำสวยดี สูงด้วย ดูไกล ๆนึกว่าเสาโทรทัศน์ มองไปอีกด้านน่าจะเป็นวัดจีน ครูหน่อยบอกไม่ใช่ ในกูเกิลว่าเป็นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เออง่ายดีนะสมัยนี้ สงสัยอะไรถามกูเกิลได้เลย เราก็มีนี่นา กดถามมั่งที่เที่ยวบนเกาะสีชัง เจอรูปเหมือนที่มองเห็นนั่นแหละ ใช่ศาลเจ้าจีน ใกล้กันมีวัดพระอารามหลวงด้วย เห็นว่ามีเจ้าแม่กวนอิม มีรอยพระพุทธบาทจำลอง แต่อยู่บนเขา คงได้แต่สาธุแหละ ปีนไม่ไหวหรอก เปิด     กูเกิลตามดูภาพศาลเจ้า ภาพวัด เออ ดีนะไม่ต้องปีนก็มีภาพให้เห็น


                                           ถ้ำเจ้าพ่อเขาใหญ่(CR:EDTGuide.com) 

........ปีนถึงปากทางแยกไปไหว้ศาลเจ้า หันมองลงไปอ่าว เห็นภาพสวยงามมากเห็นสะพานเทียบเรือหลายแห่ง มีเรือเทียบสะพานอยู่หลายลำ ไกลออกไปเป็นประภาคาร นึกว่าภาพศาลพระภูมินั่นแหละ บ้านเรือนแน่นชายฝั่ง ไกลออกไปมีบ้านคนกระจัดกระจายไป ไม่รู้จักชื่อหมู่บ้านตำบลอะไร เด็ก ๆเขามาสะกิดให้ไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านใกล้ ๆก่อนค่อยไปเที่ยว เขาถามกินอะไร กระเพราไก่ ตอบโดยลืมคิดว่ามาทะเลยังจะกินไก่ เลยขอเปลี่ยนเป็นกระเพราทะเลราดข้าวแล้วกัน เคยสั่งนะ เขาผัดกระเพรา หมึก กุ้ง เนื้อปลา บางทีมีหอยแกมมาด้วย สั่งง่ายดี คนอื่นเขาสั่งตามแบบที่เขาชอบ เราได้ก่อนเลยลงมือก่อน อิ่มพอดีคนที่หกเพิ่งได้รับ แม่ค้าใจเย็นจริง ๆ กับข้าวก็อร่อยนะ อิ่มแล้วก็ออกมายืนรอที่ถนนหน้าร้านนั่นแหละ ครูหนึ่งรถสกายแลป ตุ๊ก ๆ แบบเฉพาะที่ใช้บนเกาะสีชัง นั่งหกคนสบาย ๆ เครื่องยนต์ยังกะเครื่อง
รถปิคอัพ แรงมาก ๆ ปีนเขาลงเขาสบาย ๆ คนขับเรียกค่าบริการพาเที่ยวรอบเกาะ 250 บาท พาไปส่งจุดท่องเที่ยว ปลอยให้เที่ยว เสร็จแล้วเรียกรถไปต่อ ก็สะดวกดีแกบอกจะพาไปชม ช่องเขาขาด สะพานอัษฎางค์ พระที่นั่งจุฑาธุชราชฐาน แหลมจักรพงษ์และหาดถ้ำพัง ส่วนศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ถ้าจะไปก็เชิญปีนตอนนี้ได้เลยไม่มีใครอยากปีน ขอให้พาไปชมช่องเขาขาดหรือช่องอิศริยาภรณ์ก่อน




                                              ช่องเขาขาด(CR:EDTGuide.com)

.........สกายแลปพาห้อยังกะนั่งม้าแข่ง โยกเยก ๆ ลัดเลาะไปตามถนน ปีนเนินลงเนินจนน่าเวียนหัว พักหนึ่งก็บอกว่าถึงแล้วครับ เดินไปทางโน้น ทิวทัศน์งดงามมาก คนชอบมาถ่ายภาพกัน กดมือถือถามกูเกิล ช่องเขาขาด มีทั้งภาพและข้อความ ถึงจะชื่อเขาขาดอีกชื่อเพราะมากคือ ช่องเขาอิศริยาภรณ์ มีลักษณะเป็นแนวเขายื่นลงไปในทะเล ยืนอยู่ด้านบน มองลงไปตรงปลายแหลม ช่วงพระอาทิตย์ตกจะได้ภาพงดงามมาก นักท่องเที่ยวที่มาค้างคืนมิยอมพลาดมาเก็บภาพพระอาทิตย์ตกที่ช่องเขาขาด ดูภาพจากกูเกิล
แทนแล้วกัน นอกจากความงดงามของป่าไม้บนยอดแหลมแล้ว บริเวณชายหาด ยังเต็มไปด้วยก้อนหินที่ลมคลื่นซัดมากองอยู่ ทำให้มีรูปกลมเกลี้ยง จนชาวบ้านเรียกหาดหินกลม บริเวณนี้รัชกาลที่ห้า เคยมาประทับพักผ่อน ชมความงามของธรรมชาติ เท่าที่สังเกตดูก็เชื่อตามที่กูเกิ้ลโม้นั่นแหละ งดงามจริง ๆ เสียดายไม่มีปัญญาเดินไปสุดปลายแหลม ไกลขนาดนั้นวัยรุ่นอย่างเราไม่ไปหรอก


                                          หาดหินกลม(CR:EDTGuide.com)

......ถ่ายภาพกันอิ่มใจแล้วพอละ ไปเที่ยวกันต่อ ถามสกายแลปเขาว่าจะพาไปชมสะพานอัษฎางค์และกลุ่มพระจุฑาธุชราชฐาน มันเป็นยังไงเหรอ กูรูเกิ้ล กดสองสามคลิกออกมาอ๋อ ภาพสะพานสีขาว ๆยื่นลงไปในทะเล กับอาคารต่าง ๆ กูเกิลบอกเล่าไว้ ยาวยืดเชียว ขอสรุปย่อ ๆแล้วกัน
.......สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานเทียบเรือ สร้างโดยรัชกาลที่ 5 และพระราชทานนามนี้ไว้เป็นที่ระลึกโอกาสที่เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุฒิ พระโอรสหายประชวร ขณะที่เสด็จมาประทับพักผ่อนที่เกาะนี้ มีพิธีเปิดเมือ 23 สิงหาคม 2434 สะพานสีขาวที่เห็นปัจจุบันสร้างแทนของเดิมที่ชำรุดไปแล้ว


                                         สะพานอัษฎางค์ (CR:EDTGuide.com)

........บริเวณที่ตั้งพระจุฑาธุชราชฐาน นอกจากสะพานที่ยืนลงไปในทะเลแล้ว บนฝั่งยังมีอาคารที่เรียก ตึก พลับพลาอีกหลายหลัง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยเช่นกันเพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน เช่นตึกวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง ตึกผ่องศรี หรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกอภิรมย์ มีร่องรอยฐานตึกถามผู้รู้เขาว่าเป็นฐานพระราชวังเก่า ถูกรื้อเอาไม้ไปสร้างใหม่ที่กรุงเทพฯคือพระที่นั่งวิมานเมฆ และพร้อมกันนี้ได้สร้างวัดอัษฎางค์นิมิต ที่มองเห็นบนเขาในช่วงเวลาเดียวกันนี้ด้วยเดินชมกันไป ถ่ายรูปจนพอใจ แล้วก็กลับ จะรีบไปดูหลายชายซ้อมบอล


                                    ตำหนักบริเวณจุฑาธุชราชฐาน(CR:Google)

........ยังขาดสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ หาดถ้ำพัง เคยไปมาแล้วสองครั้ง หาดทรายสะอาด น้ำใส คนนิยมไปเล่นน้ำกันมากมาย ร้านค้าขายอาหารขายของที่ระลึกมากองกันอยู่ที่หาดนี้ เพราะนักท่องเที่ยวจะมาชุมนุมกันที่นี่ สกายแลปจ้างเหมา 250 บาท เขารวมทั้งหาดถ้ำพังด้วย เมื่อเรางดไม่ไปแกคงบ่นเหมือนกัน แต่ยังจ่ายเท่าเดิมนั่นแหละ บ่นเสียดายแทนเราไม่ไปดูที่ที่สวยงาม เขาพามาส่งท่าเรือที่เดิม เรือลำใหญ่จอดรออยู่ติดแอร์ทั้งลำ มีสองชั้น จุผู้โดยสารได้มากกว่าสามร้อย ค่าโดยสาร 50 บาท เท่าเดิมได้ตั๋วก็ไปจับจองที่นั่งสบาย ๆ คนยังไม่มาก ได้เวลาเรือออกก็ยังไม่เต็ม

                                                 หาดถ้ำพัง(CR:ชายสามหยด)

........ขึ้นฝั่งตุ๊ก ๆ รออยู่แล้วหกสิบบาทพาwปส่งที่ศูนย์การค้า รถเราจอดรอที่นั่น รีบเข้าไปที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา เด็ก ๆกำลังซ้อมฟุตบอลกันอยู่พอดี ครูหนึ่งหลานชายได้พัก ฟังโคชเขาสอนกันอยู่ เอ้อมีโคชพูดไม่รู้เรืองด้วยคนหนึ่ง พูดไม่หยุด พอหยุดก็มีคนแปลให้เด็ก ๆ ฟัง ถามเขาบอกว่าเป็นโคชญี่ปุ่น มิน่ามันไม่พูดไทย เลิกซ้อมถึงได้พบหลานชายคุณนัทพล เดชไทย บอกว่าสบายดี พออยู่กับเขาได้ หอพักติดแอร์ทั้งหลัง ห้องอาหารอยู่ชั้นล่าง อาคารอยู่ติดสนามซ้อม อาคารเรียนเดินไปไม่ไกล ดูแล้วก็ไม่น่าจะลำบากอะไร น่าจะสู้ไหว ไม่นานครูหน่อยก็ตามมา ทักทายกันครู่ใหญ่ก็ลาเพราะหกโมงเศษแล้ว
.......เขาถามทางกลับ ก็บอกว่าเนวิเกเตอร์รู้ดี ถามดูสิ มันบอกเลี้ยวซ้ายเลี่ยวขวา ก็ไปตามนั้นแหละ สมัยนี้ไม่นิยมหลงทางกันหรอก ถ้ารถไม่ติดไว้ก็เปิดมือถือดูได้ ครู่ใหญ่ ก็ทะลุออกมอเตอร์เวย์ เห็นด่านบางแสน รับบัตรแล้วก็ห้อแรดสบาย ๆรถไม่มากผ่านด่านพานทองที่ยกเลิกไปแล้วแต่ยังไม่รื้อ ค่อย ๆวิ่งลอดช่องเก็บเงินมา จนถึงด่านบางปะกง ทางออกไปฉะเชิงเทรา มืดแล้วสองข้างทางมีแต่ไฟรถวิ่งกัน ถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา รถมากประจำเพราะตัดตรงไปถนนสุวินทวงศ์เข้ากรุงเทพฯได้ วิ่งมาไม่ถึงยี่สิบนาทีแวะถนนหน้าวัดโสธร จะไปทานข้าวต้มหน้าวัด วันนี้ไม่มาขาย เลยมาถึงหน้าบ้านค่อยไปกินร้านเจ้าประจำ สองทุ่มเศษหน่อยกับหลานเขยก็ลากลับ ขอบใจที่มารับไปเที่ยวทั้งวัน สนุกดี ทีหลังอย่าลืมมาชวนไปอีกล่ะ


 ภาพที่ถ่ายกันเอง


                        ท่าเรือไปเกาะสีชัง หลักกิโลบอก 12 กิโลเมตร ไม่ไกลแต่น้ำลึก ต้องนั่งเรือ

                                           ตู้ฮ้าง ๆ แต่ขายตั๋วเรือไปเกาะสีชังแน่

                                            ถ่ายเป็นหลักฐานว่ามาแถวนี้จริง

                                นั่งเรือไม่มีไรทำ ถ่ายเรือเดินสมุทรไว้ดูเล่น

                             ครูหน่อยกลัวตาเมาเรือ นั่งประกบ ตาก็เมาจริง เมาแต่ดูข้างหน้าต่างเรือ


              ใกล้เกาะสีชัง เรือพวกนี้จอดนิ่งติดกันเป็แพ ไม่รู้มันทำไรกัน

ลำนี้น่าจะเป็นเรือสินค้า หรือไม่ก็เรือบรรทุกหินๆปขายให้เขาก่อสร้างมั้ง  ปั้นจั่นเยอะนักนี่

                                  นั่งสกายแลป ถ่ายภาพเฟริสท์ไว้เป็นหลักฐาน

                                                    ในเรือข้ามฟาก

                                                     ในเรือข้ามฟาก

                                                            ในเรือข้ามฟาก


                                 ดูมันขู่เรา ไปแล้วไม่รับคืน กูจะได้กลับบ้านไหมนี่

                                                   บันทึกไว้เป็นหลักฐาน


                                              ขึ้นท่าเรือ ยังไม่ได้ไปไหน

                                    ภาพแทรกมาจากสะพานอัษฎางค์ เป็นลิบ ๆ

                                       ท่าเรือฝั่งเกาะสีชัง เห็นประภาคารลิบ ๆ

                                                             จุฑาธุชราชฐาน

                                                             จุฑาธุชราชฐาน

                                                             จุฑาธุชราชฐาน

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                 สะพานอัษฎางค์


                                                 สะพานอัษฎางค์

                                                  เขตจุฑาธุชราชฐาน

                                                  เขตจุฑาธุชราชฐาน

                                                  เขตจุฑาธุชราชฐาน

                                                  เขตจุฑาธุชราชฐาน

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)
                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                                                  ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                            พ่อ แม่ และลูก ที่ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                            ครูหน่อยชอบใจได้ถ่ายรูปคู่กัปตันเรือหาย ที่ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                             ครูหน่อยชอบใจได้ถ่ายรูปคู่กัปตันเรือหาย ที่ช่องเขาขาด(อิศริยาภรณ์)

                             ส่วนนี่ผู้เฒ่า ติดอยูบนฝั่ง ช่องเขาขาด(ช่องอิศริยาภรณ์)

                             ส่วนนี่ผู้เฒ่า ติดอยูบนฝั่ง ช่องเขาขาด(ช่องอิศริยาภรณ์)

                             ส่วนนี่ผู้เฒ่า ติดอยูบนฝั่ง ช่องเขาขาด(ช่องอิศริยาภรณ์)

                             ส่วนนี่ผู้เฒ่า ติดอยูบนฝั่ง ช่องเขาขาด(ช่องอิศริยาภรณ์)

                             กัปตันเรือหาย ติดอยูบนฝั่ง ช่องเขาขาด(ช่องอิศริยาภรณ์)


                             กัปตันเรือหาย ติดอยูบนฝั่ง ช่องเขาขาด(ช่องอิศริยาภรณ์)


                             กัปตันเรือหาย ติดอยูบนฝั่ง ช่องเขาขาด(ช่องอิศริยาภรณ์)