วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เขียนถึงยายภา






สงกรานต์ รดน้ำให้เด็ก ๆ เขามาขอพร

..........ได้รับแจ้งว่าทำไมไม่เขียนถึงยายบ้าง ดีแต่เขียนถึงคนอื่น เออเนาะเราก็ชอบทักทายเพื่อนฝูงไปทั่ว แต่ไม่ค่อยทักยายที่นอนอยู่ข้างตัวเลย....ก็เรื่องปกติครับ อยู่ด้วยกันมีความสุขกายสบายใจเราก็สบายใจด้วย เลยไม่ค่อยได้เขียนถึง จนถูกทักนี่แหละ จริงครับวันนี้เขียนถึงยายซะหน่อย
...........ยาย ไม่ใช่แม่ยายที่เป็นแม่ของแม่เรา อ้อไม่ใช่คุณยายที่ลูกสาวยายเป็นภรรยาเรา อ้าว...แล้วยาย คือใครล่ะ อ๋อก็คือยายนั่นแหละ เป็นแม่บ้านแม่เรือนของเรา ให้เกียรติยกย่อนับถือเสมอด้วยเป็นคุณยายนั่นแหละ เลยเรียกยายครับ ยายวิภา ยายนิภา ยายอรภา ยายธนัญธร ได้ยินคนเรียกขานหลายชื่อแต่ก็คนเดียวนั่นแหละ แหมถ้า 4 คนละก็น่าดูสิเนาะ ยายคนเดียวก็สุดยอดแล้วผมมาอยู่กับยายตั้งแต่ปี 2548 ด้วยการมาขอกับคุณยายบุญเติม ท่านก็ใจดียกให้เป็นสมบัติส่วนตัวแต่นั้นมา เอ...ใช่ไหมนี่
...........มีผู้รู้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่า ยาย(สมัยเป็นวัยรุ่น) เป็นลูกหลานทางเจ้าเมืองแปดริ้ว เติบโตมาจากจวนข้าหลวง พูดจาฉะฉานตรงไปตรงมา ไม่กลัวใคร แต่ใจดี ก็คงใช่ตามข้อมูลที่ได้รับมา จนทุกวันนี้ยายก็ยังเหมือนเดิมแบบที่ว่านั่นแหละ ที่เปลี่ยนไปคือขาไม่ค่อยจะดี เลยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรเพราะยังไงก็วิ่งไม่ทันเราหรอก ขนาดหมาน้อยมันเห่าเพราะชอบเย้าหยอกจะตีหัวมันยังวิ่งตามมันไม่ทันเลย
..........ยายวันนี้วัยใกล้ 70 แล้ว โดนดุว่าฉันยังไม่แก่ปานนั้น แหมอีก 8 ปีก็ถึงแล้วน่า สุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี รักลูกหลานคงเส้นคงวา ใจดีว่างั้นเถอะใจบุญสุนทาน รอตักบาตรตอนเช้า ดีใจได้ทำบุญ เลยแกล้งพูดให้ได้ยินบ่อยๆว่าทำบุญ 3 ช่องทางนะ ทานสิ่งของ ได้บุญ ทานสิ่งเป็นนามธรรม ได้บุญ  ปฏิบัติศีลได้บุญ ภาวนาอบรมก็ได้บุญ อย่ารอตักบาตรอย่างเดียว บุญน้อยกว่าอย่างอื่น ถือศีลวันเดียวบุญมากกว่าไปทอดกฐินซะอีก ยายก็เถียงว่ามากกว่าตรงไหน แหมไปทอดกฐิน ใส่ซองแค่ร้อยเดียวเอง จะมาสู้ถือศีลตลอดวันได้ไง
......เดี๋ยวนี้ยายฉลาดทำบุญมากนะ ตื่นเช้ามาสมาทานศีลเองก็เป็น ก็แค่พนมมือตั้งใจบอกตนเองว่าวันนี้จะปฏิบัติศีลทั้งวันมิให้ขาด ไม่ต้องท่องคำบาลีหรอกถือว่าสมาทานศีลห้าแล้ว อ้าวไม่ออกปาก รู้ได้ไงว่าศีลห้า แหมอย่างเราถือแค่ห้าข้อแหละ คงไม่กล้าขยับไปแปดข้อหรอก ขนาดตาจำได้หมดนะ 8ข้อ 10 ข้อ แต่ก็ถือเอาแค่ศีลห้า พอสมาทานเสร็จบุญก็มาเป็นระยะ ๆ ตราบที่ศีลไม่ขาด บุญก็มาเรื่อยเลย เห็นไหมดีกว่าตักบาตร ตักเสร็จก็จบ ยายก็ถึงบางอ้อ  เดี๋ยวนี้ขยันสมาทานศีลทุกวัน .....ภาวนามัยเป็นการอบรมให้เกิดสติปัญญา การหลับหูหลับตาบริกรรม ถ้าไม่เกิดสติปัญญาอะไรก็ไม่ได้บุญ...ยายงงทำไมจะไม่ได้นั่งจนขาเป็นเหน็บ ก็เลยขยายความบุญจากการภาวนา เนื่องจาก เป็นการฝึกอบรม ต้องมีผลเกิดขึ้นจึงจะได้บุญ การอบรมสมถ...ผลคือ สมาธิ ฌานสมาบัติ นั่นแหละบุญ  ส่วนการภาวนาที่เป็นการอบรมทั่วไป จะเกิดผลบุญคือสติปัญญา เหมือนไปอบรมวิธีการสอดท่อหายใจช่วยคนไข้หนัก อบรมเสร็จได้ความรู้และทักษะ นั่นแหละบุญจากการอบรมละ
........สวดมนต์ต้องไปสวดห้องพระ เพราะยายมีพระพุทธรูป พระเครื่อง มากพอ ๆกับที่วัดแถวบ้านตา จนจัดห้องพระต่างหาก จุดธูปเทียนไหว้พระหอมคลุ้งเชียวแหละ เห็นแล้วสงสารพระ เลยหาธูปเทียนไฟฟ้ามาให้ บอกว่าใช้นี้แทนดีกว่าพระท่านก็คงชอบเพราะเหม็นควันธูปเทียนมานาน ทีนี้เปิดพัดลมก็เย็นสบายไม่มีกลิ่น พระคงชอบใจน่า...มองหน้าเราอีก คงสงสัยทำไมตาไม่ค่อยไหว้พระในห้อง
........ก็ต้องบอกว่าตาไหว้พระทุกวันที่ตื่นนอนและก่อนนอน แต่การไหว้ด้วยการนึกในใจที่เรียกว่าวิธี
อนุสสรณะ โดยการทบทวนว่าเราเคารพนับถือพระรัตนตรัยและปฏิบัติตามคำสอนพุทธศาสนาเสมอ เพราะพระรัตนตรัยเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนา ถ้านับถือพระรัตนตรัยก็จงปฏิบัติตามคำสอนพุทธศาสนานั่นเอง.....คำสอนคือ (สัพพปาปัสส อกรณัง กสลัสสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปปนัง)ไม่ทำบาป สั่งสมกุศลและชำระใจให้หมดจดจากกิเลส  โดยการปฏิบัติตามแนวทางของพุทธศาสนาที่เรียก สิกขา 

3 คือ สีลสิกขา จิตสิกขาและปัญญาสิกขา
..........สีลสิกขาก็ศึกษาศีลห้าแล้วถือปฏิบัติตลอดวัน....จิตสิกขาก็ศึกษาจิตให้เข้าใจจิตหม่นหมอง

เพราะอะไร จิตจะผ่องใสมั่นคงได้อย่างไรแล้วฝึกจิตใจ ให้สะอาด มั่นคงมีสมาธิที่ดี....ปัญญาสิกขา ก็ศึกษาปัญญาที่เป็นกุสลปัญญาพยายามสั่งสมเอาไว้ให้มาก ก็ถือปฏิบัติเช่นนี้ก็จะเป็นการปฏิบัติตามแนวทาง ไตรสิกขา ด้วยเหตุนี้การไหว้พระสวดมนต์ ก็เป็นการทบทวน(อนุสรณะ)แนวปฏิบัติไตรสิกขานั่นเอง ทบทวน เช้า และเย็น พอสมควรแล้ว จะอยู่บ้านหรือไปค้าที่อื่นก็ อนุสรณะได้เสมอ ยายก็เข้า
ใจนะ ช่วงปวดขาเดินไม่สะดวกเห็นนั่งบ่นในห้องนอนพึมพัม ๆ อ๋อยายสวดมนต์นั่นเอง
.........ยายเป็นคนรักหมา ก่อนเคยเห็นแกเลี้ยงหมาแบบขังกรง ดุ คนมาเห่ายังกะจะกัด แต่เดียวนี้เลี้ยงแบบปล่อยวิ่งเล่นบ้าง หมามันก็ชอบเล่นกับยายแต่เล็กจนมันโต บางตัววิ่งชนหงายหลังก็บ่อย จนต้องถือไม้เท้าประจำ ตัวไหนดื้อก็โดนเคาะกะลาบ้าง แต่มันไม่กลัวหรอก มีตัวใหญ่ 4 ซนทุกตัว เปิดกรงห้าโมงครึ่ง ปล่อยตลอดคืน เช้าเจ็ดโมงก็วิ่งไปเข้าแถวรอหน้ากรง รอให้ยายไปตรวจแถวก่อนค่อยเดินเข้ากรงให้ยายปิดกรงให้ เลยบอกว่าหมามันรักยายไม่เห็นยายไม่ยอมเข้ากรง เห็นยิ้มใหญ่เลย
........มีหมาพันธุ์ตัวเล็ก 2 ตัว คุกกี้ ทาโร่ ขี้ประจบ ตัวใหญ่เข้ากรงก็ปล่อยได้ตั้งแต่แปดโมงจนเลิกเรียน กลับเข้ากรง สองตัวนี่เลยเป็นของเล่นให้ทุกคนได้อุ้มได้ตีตามใจชอบ ตีแล้วอย่าลืมแจกรางวัลล่ะ ขนม อาหารสำเร็จ อิ่มทั้งวันเลยแหละ เขาปล่อยวิ่งมาหาถึงที่นั่งทำงานอยู่ มาเลียขาจนแสบ สงสัยมันคงเค็มเหงื่อเนาะ เลยเลียใหญ่จนต้องด่าเอาจึงยอมถอย เวลาโดนคนอื่นด่า จะตี ชอบวิ่งมาแอบข้างหลังเก้าอี้เรา เออหมาก็เหมือนคนเนาะ รู้หาที่กำบังภัยถ้าอยากแกล้งยาย พอตัวใหญ่เข้ากรง ลองปล่อยตัวเล็กออกมา มันจะวิ่งหายายจนเจอ ทาโร่เจอยายก็จะเห่าแบบทักทายดีใจพันแข้งพันขา ไม่นานก็จะได้ลูกชิ้น หรือไม่ก็ไก่ย่างเป็นรางวัลที่ประจบเก่ง จนเดี๋ยวนี้ยายไปตลาดหรือไปธุระกลับมาจะมีของฝากติดมือมาเสมอ อย่าไปชิมก่อนล่ะ ของฝากหมายายเขา ไม่ใช่ฝากคน
.........นอกจากรักหมา ยายยังรักเด็ก แม่บ้านเขามาทำงานเข้ามาเย็นกลับช่วงมีลูกน้อยก็ไม่ต้องลาหยุดเลี้ยงลูก ให้เอาลูกมาเลี้ยงด้วย อุปกรณ์ต่าง ๆสำหรับเลี้ยงเด็กอ่อน จัดให้ อู่อย่างดี รถเข็น กระเป๋าอุ้มเด็ก ผ้าอ้อม จัดให้ดูไปก็ขำ ๆยังกะจะเลี้ยงลูกตัวเอง ก็ใช่นะ แม่จะตีลูกยังต้องมองหน้ายายก่อน ถ้ายายอยู่อย่าเชียว โตพอเข้าเรียนก็พาไปฝากเข้าเรียน จัดอุปกรณ์การเรียนให้ดูเหมือนจะรักเด็กมาก ๆนะยาย
.........ยาวไปแล้วนะยาย ยังมีอีกเยอะที่ไม่ได้เขียนถึง เอาไว้คราวต่อไปค่อยเอามานินทาอีก แค่นี้ก็นอนหลับแล้วแหละเนาะยาย... สวัสดีจ้า


เอาภาพหมามาลงก่อน เดี๋ยวขอยายก่อนมีภาพอะไรบ้างมาเพิ่มทีหลังแล้วกัน 


                                                      คุณบั๊ก น้องชายยายให้มา ชื่อเดิมเขา
       

คุกกี้ หมาตัวโปรด 



                                                                       ทาโร่ ขี้ประจบ              




ซูการ์ 



ซู่ซ่า ลูกซูการ์ 


บึ๊ก แม่เขาเป้นหมาประจำบ้านมาก่อนใคร