วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

ยายชอบปลาร้าหมาชอบแซลม่อน






เมื่อยายกินปลาร้าแต่หมายายกินแซลม่อน 


........กลับจากไปเที่ยวปีใหม่ 4 มกราคม 2560 ยายไปห้างซื้อของใช้ แกชอบซื้อทีละมาก ๆ จนเด็กเขาสงสัยว่ายายคงเปิดร้าน ขายของชำ พอถามกลับเป็นซื้อไปกักตุนไว้จะได้ไม่ต้องมาบ่อย ๆ เขาเลยแนะนำให้สมัครเป็นสมาชิกประเภทร้านขายของชำ เขาบอกมีส่วนลดให้ ก็เลยกลายเป็นสมาชิกเขา ไม่ผิดหวังหรอก ยายแกซื้อทีละเต็มคันรถเข็น วันนี้พิเศษหน่อยแกซื้อปลาแซลม่อนสอง ชิ้นสี่ร้อยบาท ซื้อของเสร็จเลยไปตลาดสดโครงการส่วนพระองค์ที่ชายเขตปราจีนบุรี ตรงสะพานข้ามแม่น้ำสองชื่อ ฝั่งซ้ายแม่น้ำบาง ประกง ข้ามสะพานเสร็จขากลับเป็นแม่น้ำปราจีนบุรี แม่น้ำสายนี้มีหลายชื่อ ช่วงผ่านนครนายกมีชื่อว่าแม่น้ำนครนายก พอเข้าเขตปราจีนบุรี ได้ชื่อใหม่เป็นแม่น้ำปราจีนบุรี เข้าเขตฉะชิงเทราเป็นแม่น้ำบางปะกง น่าสงสัยอยู่นะทำไมไม่ชื่อแม่น้ำฉะเชิงเทรา ไปเอาชืออำเภอมา ตั้ง มันผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่มีบันทึกไว้ เลยไม่รู้จะถามใคร มีคนถามเหมือนกันว่าทำไม คงตอบได้แบบเดาเอา เมืองนี้ชื่อเมือง
แปดริ้วมาแต่เดิม ชื่อฉะเชิงเทราน่าจะมาทีหลัง ตอนเขาเรียกชื่อแม่น้ำกัน จะเรียกแม่น้ำแปดริ้ว ก็คงขำ ๆ เพราะสู้แม่น้ำนครนายก แม่น้ำปราจีนบุรีไม่ได้ เอาชื่ออำเภอแล้วกัน มันไหลผ่านอำเภอบ้านโพธิไปลงทะเลที่เขตอำเภอบางปะกง บ้านโพธิ์คงเป็นอำเภอใหม่กว่าทาง บางปะกง แถมชื่อบางมันดูยิ่งใหญ่แบบเมืองชายทะเล เสียด้วย แบบบางแสน บางปู ก็เลยเอาบางปะกงมาเป็นชื่อแม่น้ำช่วงที่ไหลผ่าน
เมืองฉะเชิงเทรา พอใช้ชื่อนี้คนจำได้เลยว่ามันไหลลงอ่าวไทยที่บางปะกง จนไม่รู้อีก 2 ชื่อว่ามันคือแม่น้ำสายเดียวกัน
........ยายกระซิบบอก มากไปตา พอแล้วไม่มีใครถาม พล่ามไปทำไม นั่นซินะ เอ้าหยุดไป โครงการส่วนพระองค์ หาซื้อผักปูปลากัน ผักสดเยอะ ราคาไม่แพง ไปเห็นเป็ดเขาถอนขนควักเครื่องในออกแล้วตัวละ 120 บาท ซื้อไปทำลาบกินกัน แม่บ้านถามมันไม่มีเครื่องในนะคุณลุง อ๋อเป็ดพวกนี้ ไปถึงบ้านมันมีเครื่องในครบเลยแหละ ยังอีกเถียงด้วยว่าในตู้เย็นก็ไม่มีนะทำกินหมดนานแล้วแกยืนยัน เราก็ยันยืน..กลับไปว่ามีแน่นอน ไม่เชื่อคอยดู ความจริงก็ไม่มีอะไรมาก เด็กมันไม่เข้าใจว่า พอกลับไปบ้านจะทำลาบเป็ด เราก็สั่งมันนั่นแหละไปซื้อเครื่องในที่ตลาดสด ถ้าไม่ทันเครื่องในเป็ด เครื่องในไก่ก็ได้ แค่นี้เองก็จบมีเครื่องในใส่ลาบเป็ดแน่นอน 555 วันนี้ได้ผัก กระโดน(จิกน้ำ) สะเม็ด(ผักเม็ก) ขี้เหล็กที่ต้มแล้วเป็นก้อน ๆ เจอแม่ค้าปลาร้าเจ้าประจำ ได้มาสองกิโลกรัม 120 บาท ส่วนยายแยกทางกันไปกับแม่บ้าน ได้ของที่ต้องการก็ กลับกัน
........ มาถึงบ้านค่ำพอดี เลยทำลาบปลาร้า เลือกเอาเฉพาะเนื้อ หัวและใส้ตัดออกไว้ให้เขาทำส้มตำ ล้าง แช่น้ำหมัก 1 ชั่วโมงค่อยเอา มาสับให้ละเอียด ได้เนื้อปลาร้า หกเจ็ดขีด ชิมดูเค็มน้อยลงมาก ต่อไปก็เครื่องปรุง ชุดที่ 1 ตะไคร้ ข่า กระเทียม หอมแดง ชุดนี้โขลกให้ แหลกและนำไปคั่วให้สุกหอมเหมือนเผาไฟก่อนนำมาตำ ชุดที่สอง กระเทียมดอง มะเขือเทศ มะขามเปียก นี่ก็ใส่ครกตำแหลก แล้วเอา ไปคั่วให้สุก เทลงกระทะใหญ่ปนกับชุดที่ 1 ไฟอ่อน ๆ คลุกให้เข้ากัน ถ้าปลาร้าไม่ค่อยหอมเติมกระปิซัก สามช้อน มะขามเปียก 6 ฝัก คนไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ปลาร้าสุกแล้ว หอมสุดจิตสุดใจ เติมรสดีสองช้อน ก็ปิดไฟ เติมพริกป่น 3 ช้อน จะได้ไม่เผ็ด ตักไปกินค่อยเติมสำหรับ คนชอบเผ็ด คนต่อครู่หนึ่งก็ตักออกใส่ถ้วย เอาไปวางบนโต๊ะอาหาร เย็นก่อนค่อยเก็บ ขอไปอาบน้ำก่อน
.........ทุ่มเศษอาบน้ำใส่เสื้อผ้าเสร็จออกมาผ่านโต๊ะกับข้าว ยายนั่งชิมลาบปลาร้า ชิมไปบ่นไป อร่อยชิบหาย มันคืออะไรตา อ้าวแหว่งไป เยอะแล้วยังไม่รู้เหรอ ลาบปลาร้าหรือแจ่วบองนั่นไง มองหน้าเราแบบไม่เชื่อที่บอก เคยกินนะแจ่วบองไม่เป็นอย่างนี้นี่ หันไปคดข้าวใส่ จาน ตักปลาร้าใส่ พุ้ยด้วยมือใส่ปาก อร่อย ๆ ๆ เห็นแล้วสงสาร เลยไปล้างมะเขือเปราะ แตงกวา จิกน้ำ สะม็ด เต็มจานมาให้ ปล่อยแกลุย
ตามสบาย เรามีไก่ย่างไปอุ่นก่อนจะมากินด้วย ยกใส่จานออกมา ปกติยายแกชอบกินไก่ย่างนะ แต่วันนี้เฉย ๆ เลยเตือนว่าแจ่วบองกินมาก แสบท้องนา เค็มและเผ็ด ให้กินผักเยอะ ๆ วันนั้นแกกินแจ่วบองหมดไปถ้วยหนึ่ง ที่เหลือเก็บใส่ตู้กับข้าวไว้ให้ สามวันให้หลังแกบอกหมดแล้ว ให้แม่ครัวทำให้อีก ชิมแล้วมาฟ้องว่าไม่อร่อยเหมือนตาทำ โหแม่บ้านคนพม่าเขาจะทำแจ่วบองอีสานได้อย่างไร ก็ทำได้ แต่รสชาติ
มันสอนกันไม่ได้ ไม่ยอมต้องให้ตาทำใหม่ ตาชิมดูแล้วก็เติมเครื่องปรุงให้ เสร็จแล้วยายชิมดู แกบอกเออแบบนี้แหละ ๆ ทีนี้สองคนกับ แม่บ้านลุยกันเกลี้ยง คนอารัยไทยแท้ ๆกินแจ่วบองเก่งกว่าลูกอีสาน แม่บ้านก็พม่าสายมอญนะแต่ชอบแจ่วบองมาก ๆ ไม่กลัวเผ็ด นี่แหละ ที่เรีกว่าคุณยายกินปลาร้า(บอง) ตอนนี้ติดแจ่วบองแล้ว ไปตลาดเจอปลาร้าก็ซื้อมาฝาก เปล่าหรอกซื้อมาให้ทำแจ่วบองให้กินนั่นเอง
..........คุกกี้ ทาโร่ กินแซลม่อน หมาโปรดของยายพันธุ์ตัวเล็ก ๆ น่ารัก ขี้ประจบทั้งสองตัว คุกกี้ชอบเคลียคลอ นอนแนบข้างเวลายาย นั่งดูทีวี ยายกินขนมก็กินแบบคนครึ่งหนึ่งหมาครึ่งหนึ่ง ส่วนทาโร่หมาตัวผู้ ซุกซน ขี้ตกใจ แม่บ้านกับยายชอบดุ แกล้งให้มันกลัว วิ่งหนี หางจุกตูด แป๊บเดียวโผล่หน้ามาอีก ต้องเอาขนมล่อถึงยอมมาใกล้ บ่อยเข้าก็ติดนิสัย ขู่เสียงดังดูมันวิ่งหลบภัย แล้วดูมันแอบมามอง ทีนี้ ของกินเอาออกมาล่อ ก่อนนี้ตื่นเช้าออกจากกรงมันวิ่งมาหาเราให้อุ้มลูบหลังลูบไหล่ เดี๋ยวนี้วิ่งไปให้เขาขู่ก่อน ได้กินขนม แล้วค่อยมาหาเรา บางทีโดนด่า วิ่งมาแอบอยู่ใต้เก้าอี้ที่เรานั่ง พอเขาเรียกก็โผล่หน้าไปดู มีของกินถึงยอมวิ่งไปให้อุ้ม ถ้าไม่มีจ้างก็ไม่ไป นิสัยแบบนี้ เองเจ้าทาโร่จึงมีคนให้อาหารพิเศษคือ ยายกับแม่บ้าน
..........วันหนึ่งเปิดตู้เย็นเห็นแซลม่อนยังอยู่เลยถามยายว่าเมื่อไรจะเอาไปให้เขา เห็นว่าซื้อจะเอาไปฝากเขาสวัสดีปีใหม่ สองสัปดาห์ แล้วใครจะกล้ากินไม่เสียแล้วเหรอ แม่บ้านบอกมีราขึ้นที่พลาสติคห่อกล่องปลา ยายจะเอาทิ้ง เลยบอกแม่บ้านเอาไปย่างให้หมากินดีกว่า เสียดาย ให้ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชน้อย ๆ แล้วเอาเนื้อปลาลงทอดพลิกไปพลิกมา หอมมาก ๆ ไม่นานก็สุก เย็นแล้วแบ่งออกเป็นสองถาด คุกกี้กับทาโร่ ได้คนละถาด มันจัดการแป๊บเดียวเกลี้ยง เด็กแม่บ้านมันด่าหมา "อ้ายห่า มึงกินแซลม่อนชิ้นละสองร้อยเชียว ตากินปลาอินทรีย์เค็มชิ้นละ 30 ยังบ่นว่าแพง" ยายมายืนโอ๋ตามเคย อร่อยไหมลูก อยู่กับแม่ได้กินแต่ของดี ๆน้า คุยใหญ่เลย ก็จึงแซวบ้าง ใช่เลย คุกกี้ ทาโร่ แม่แกเขาใจดี รับรองไม่แย่งพวกแกกินหรอก แม่แกเขาชอบกินปลาร้า กิโลละหกสิบเอง แซลม่อนชิ้นละสองร้อย เอาไว้ให้ พวกแกกินไง......555 โอ๊ะ โอ้ย โดนหยิก
..........ก็คงจบได้แล้วมั้ง เรื่องยายปลาร้าหมาปลาแซลม่อน มันชอบต่างกัน แจ่วบองเราทำกินเลยต้องเรียกสูตรพิเศษ อร่อยมาก จน คนได้ชิมชวนเอาไปฝากขายจะขายให้ ขายก็ขาดทุนแหละ เพราะเครื่องปรุงราคาแพง ส่วนหมาปลาแซลม่อนมันเรื่องบังเอิญ ไม่ได้ให้ ประจำหรอก ที่เขียนนี่ก็เพราะไปแซวยายเขา นึกว่าจะโกรธกลับชอบใจเร่งให้เขียนโพสบลอกให้อ่านหน่อย เอ้าเขียนให้แล้วนา...สวัสดี 






















































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น