วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560

2. เดินทางไปเมืองเลย


2. ตอนเดินทางไปเมืองเลย
.......จากกำแพงเพชรไปจังหวัดเลย สามร้อยกิโลเมตรเศษ เดินทางซักห้าชั่วโมง ก็น่าจะถึงมีเวลาเหลือจะพาไปชมที่ท่องเที่ยวซักสองแห่งก็คุ้มแล้ว เอาวัดเนรมิตรวิปัสสนา 1 ที่ หลวงพ่อมหาคำพันธุ์ ท่านเป็นนักวิปัสสนาที่มีชื่อเสียง มาสร้างไว้ตั้งแต่สมัยเราสึกใหม่ ๆ กำลังช่วยกันจัดงานพระราชทานเพลิง ศพเจ้าคณะจังหวัดเลยวัดศรีวิชัยวนาราม ได้หลวงพ่อมหาพันธุ์ช่วยบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง ทำให้เราสามารถ จัด งานได้สมเกียรติ เสร็จงานพากันมาคารวะขอบพระคุณท่าน ได้สนทนาธรรมกับท่าน พอจะเข้าใจท่านว่ามีคนศรัทธาท่านมาก ตามมาช่วยสร้างวัดวาอาราม ตัวท่านเองก็ไม่ได้ยึดติดเงินทอง มีมาก็ทำบุญ ห
มด สมเป็นนักวิปัสสนาจริง ๆ ผ่านมาจะแวะไปทำบุญเคารพท่านไม่ขาด ประกอบกับวัดท่านสวยงามมากทั้ง อาคารและบริเวณวัด มีนักท่องเที่ยวผ่านมาเที่ยวไม่ขาด 
........จุดที่สองลูกน้องเก่าสมัยอยู่สามัญศึกษาโพสภาพมาอวด เกษตรที่สูงภูเรือ สถานีวิจัยพืช เคยแวะ
มาเยี่ยมสมัยซื้อรถใหม่ ๆ พาครอบครัวมาทานข้าวกัน ตอนนั้นต้นกฤษณาเพิ่งปลูกได้ซักห้าปี ตอนนี้คงโตมากแล้ว ภาพที่เขาโพสให้ดูงดงามมาก เลยอยากพายายไปเที่ยวถ่ายรูปกัน กำหนดสถานที่จะแวะเที่ยวแล้วก็ วางแผนออกเดินทางแต่เช้ามืด ก่อนเที่ยงให้ถึงเกษตรที่สูง ก็เป็นไปตามแผน เราออกเดินทาง ตีสี่ครึ่งพอดี ตั้งโปรแกรมเนวิเกเตอร์ไปอำเภอนครไทย ทันใจดีจริง มันขี้ดเส้นให้เราขับรถเข้าในเมือง ยังไม่มีคนตื่น สงสัย อากาศหนาวเย็น ไม่นานก็ออกจากเขตเทศบาลเป็นจุดเริ่มต้นถนนหมายเลข 115 มีรถเราคันเดียว ไฟข้างถนนส่องสว่างพอเห็นทางไม่มืดนัก นาน ๆ จะมีรถสวนมาซักคัน อากาศข้างนอกหนาวเย็น อ้าวยายก็หลับ หมูก็หลับ ตื่นเจ้าทาโร่ตัวเดียว มันปีนมาขอนอนตัก ก็โอเคให้นอนได้อย่ายุ่งเหยิงแล้วกัน ดูน้ำมันรถที่เติม เต็มถังวานนี้ เหลือ 1 ใน สี่ ของถัง ถ้าเจอปั้มคงต้องเติมอีก เจอหลายปั้มเหมือนกัน แต่ยังไม่เปิดบริการ ผ่าน ไปซัก 50 นาทีเจอปั้มเล็ก ๆเปิดเติมน้ำมันรถอื่นอยู่ เลยไปต่อคิว เติมเต็มถัง พันกับแปดสิบบาท ทีนี้ก็วิ่งรถ สบาย ๆ ไม่ต้องกลัวน้ำมันหมด
.........ตีห้าครึ่งแล้วยังมืดอยู่ รถเริ่มออกมาวิ่งมากขึ้น สังเกตดูด่านที่ตั้งชื่อซะโก้ว่าหน่วยบริการประชาชน มีเป็น ระยะ ๆ มาเจอด่านหนึ่งสุมไฟผิง เลยแวะไปดู เจ้าหน้าที่สาวสามคนทำงานกับพวกผู้ชาย หน้าตาน่ารักดี ดูจาก เครื่องแบบน่าจะเป็นพวกอาสา สง่างามดีมิน่าพวกผู้ชายจึงหนาวผิดปกติจนต้องสุมไฟช่วย ก็แวะทักทายถามไถ่กันเขาถามทำไมขับรถดึกดื่นคนเดียว มาจากไหนจะไปไหน พอให้ข้อมูลก็หัวเราะ ตาเจ็ดสิบขวบแล้ว มาจาก แปดริ้ว คืนนี้พักกำแพงเพชร จะไปต่อที่จังหวัดเลย ผู้ช่วยขับรถน่ะมี ตอนนี้หลับอยู่ ลูกสาวตาเอง เขาแจกกาแฟ แถมยิ้มให้เลยซัดหมด 1 ถ้วย พักหายง่วงแล้วก็ลา เดินทางต่อ
.........หกโมงเช้าแล้วถึงทางแยก เนวิเกเตอร์ให้เลี้ยวซ้าย เจอแผงขายกล้วยติด ๆ กันหลายสิบแผง แม่ค้าเปิด แล้วสองสามแผง ยายลงไปเดินสำรวจ ส่วนเราเลยไปสุดแถวแล้วจับหมาน้อยลงให้เดิน จะ  ได้ขี้เยี่ยวและหากัดกิน ยอดหญ้าเล่น ไม่นานยายได้กล้วยสุก และมันมา หมาน้อยขึ้นรถแล้วหมูน้อย   ขอขับช่วย สว่างแล้วเห็นทางสะดวก รถไม่มากนัก วิ่งรถตามสบาย ๆ เข้าเขตพิษณุโลกแล้ว ข้างทางมีตลาดสดเป็นช่วง ๆให้เห็น ผู้คนออกมาจ่ายตลาด อยากไปช่วยจ่ายตลาดกับเขาบ้าง ต้องรีบ ๆไป เดี๋ยวยายเอาจริง เพราะของชอบถ้าได้เดินตลาดสด หมูน้อย ตั้งเนวิเกเตอร์ใหม่ ไปด่านซ้าย เพราะอยากเห็นมันให้ขึ้นเขาตรงไหน เลี้ยวไปนครไทยตรงไหน พอเลยวังทอง ก็ไปทางขวามือ เส้นทางนี้มาบ่อยทางเลียบเขาและแก่งหน้าฝนมีน้ำตกให้แวะชมเป็นช่วง ๆ เห็นปั้มใหญ่เลย ชวนกันแวะไปดู มีข้าวสารมาวางขาย สินค้าโอทอป ร้านอาหาร ร้านขนม ถูกใจจริง ๆ ยายเดินหายไปเลย ให้หมู ตามไปช่วยหิ้วของ เราได้มะขามป้อม 1 ถุง หาสมอไม่มี ไปเห็นผักแพวในถุงดำและต้นนกน้อย ต้นละยี่สิบ ซื้อมาสี่ต้น กว่าจะกลับกลัวเฉาไม่กล้าซื้อมาก เก็บของแล้วไปดูร้านอาหาร ขายข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมหวาน ยายบอกกำลังหิวเลยชวนทานข้าวเช้า สามคนก็สามอย่าง หมูกินก๋วยเตี๋ยว ยายสั่งข้าวราดแกง เราต้มเลือดหมูสูตรมาตรฐาน เสร็จอาหารเช้ายายสั่งต้มเลือดหมูสองถุง พอถามบอกจะเอาไปฝากหมา โหยาย ประชดกันรึปล่าวนี่ ยายบอกที่บ้านต้มโครงไก่ให้หมามัน แม่ค้าไม่มีต้มแบบนั้นเลยเอาไอ้นี่ หมาคง  ชอบ เออยายรักหมาเท่าเราแล้ว
........เดินทางต่อ รถทางเราไม่มาก แต่รถสวนจะไปทางเหนือค่อนข้างมาก ช่วงนี้ถนนสี่เลนวิ่งสบาย ๆ ยายบอกให้หาโลเกชั่นดี ๆ หน่อยพักรถซักครู่ พอดีผ่านมาเห็นลานหญ้าเรียบ ๆ ด้านซ้ายมือเป็นแนวเขา ด้านขวามือเป็น แหล่งท่องเที่ยวไปชมน้ำตก เลยให้หมูแวะจอดรถ ยายอุ้มคุกกี้ ทาโร่ ลงไป หากระบะอาหารมาคลุกข้าวกับต้ม เลือดหมู เลยด่าทาโร่"อ้ายห่า มึงกินเหมือนกูเลยนะ" หมามันไม่สนหรอก คงชอบ หมายายจะกินข้าวต้อง เลือกโลเกชั่นด้วยนะ อยู่บ้านเห็นกินข้างกองขยะ มาเที่ยวทำเป็นเลือกที่  สวย ๆงาม ๆ  หมาจริง ๆ
.........สองโมงเศษถึงทางแยกบ้านแยง เลี้ยวซ้ายเข้าทางนครไทย ถนนว่างดีเลยของีบมาตื่นอีกทีที่ปั้มใหญ่ เลยตัวเมืองมาแล้ว ยินสำเนียงอีสานแบบหลวงพระบาง นึกว่าไทเลย เปล่าหรอกคนนครไทยก็สำเนียงแบบ หลวงพระบางเหมือนไทยเลย สมัยพ่อขุนผาเมือง พ่อขุนบางกลางท่าว อพยพมาตั้งอยู่ด่านซ้ายหลายเดือนจึง ข้ามมาทางนครไทย จนเกิดเมืองบางยาง เมืองราด คงมีพวกตกหล่นอยู่เขตเลยและเขตนครไทยไม่น้อย สอง เขตนี้จึงมีคนสำเนียงหลวงพระบางคล้ายกัน ยายกับหมูเข้าห้องน้ำแล้วก็เดินทางต่อ หมูน้อยขับรถต่อ ไปจนถึง บ้านบ่อโพธิ์ ให้จอดขอซื้อเกลือ 1 ถุง 10 บาท เกลือสินเธาว์น่ะยาย บ้านนี้เขามีบ่อน้ำเค็มตามธรรมชาติ หน้าฝน เค็มน้อย แต่หน้าแล้งนี่เค็มมาก ขนาดตักมาต้มให้น้ำแห้ง เหลือแต่เกลือ ชาวบ้านจึงมีเกลือวางขายหน้าบ้านกันสุดถนนในหมู่บ้าน ชิมดูสิเค็มเหมือนเกลือเลยนะ ยายบอก ก็ใช่สิยายมันเป็นเกลือสินเธาว์ แถวบ้านตาที่กาฬสินธุ์ นามีดินเค็มมาก หน้าแล้งเกิดขี้เกลือลอยขึ้นบนผิวดิน ชาวบ้านจะไปกวาดดินและเกลือมาใส่รางไม้ เทน้ำราดลงไป ให้ละลายเกลือกรองเอาน้ำเกลือไปเคี่ยว ก็จะได้เกลือสินเธาว์เหมือนกัน แต่บ้านบ่อโพธิ์โชคดีกว่า ไม่ต้องกรอง ทรายปนเกลือยาก ตักเอาน้ำเค็มในบ่อไปต้มเกลือกันได้เลย สาวขายเกลือเล่าว่า หน้าแล้งจะทำบุญขุดลอกให้บ่อ
สะอาด แล้วปล่อยให้น้ำซึมใหม่ เป็นบ่อส่วนรวมใครขยันก็ตักเอา จะเข้าหน้าฝนความเค็มน้อยถึงเลิก     ทำเกลือ กัน
........ลูกสาวจอดรถชมวิวเมืองด่านซ้าย กลางวันก็เห็นหลังคาบ้าน กระจายไปทั่วแอ่งเขา เห็นภูเขาสลับซับซ้อน แบบเมืองเลย มีบ้านคนแทรกตามไหล่เขา เห็นควันไฟลอยเหนือหมู่บ้าน ยังกะกลุ่มเมฆ ถ้าเป็นกลางคืนไม่เกิน สามทุ่มจะสวยมาก เพราะชาวบ้านเปิดไฟทุกบ้าน มองไปไฟระยิบระยับยังกะดวงดาว กลางคืนจะเห็นรถจอด ชมดาวกันเป็นแถว ถ่ายรูป ฮือฮากัน นึกว่ายืนอยู่บนฟ้า ดวงดาวอยู่ต่ำกว่าที่เรายืน เราขับรถลงเขาให้ลูกเพราะ สูงชันและคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา หมูบอกหวาดเสียวพ่อช่วยหน่อย เราผ่านตรงนี้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว ก็ไม่ นึกกลัวค่อย ๆลงไปไม่นานก็ถึงจุดหมายวัดเนรมิตวิปัสสนา เลี้ยวขวา 5 เมตรก็ประตูวัด ปีนขึ้นเขาอีกสักพักก็เป็น พระอุโบสถศิลาแลงหลังใหญ่มาก เห็นหลวงพ่อพันธุ์บอกตั้งงบไว้ 100 ล้านบาท แต่มันเกินแล้วเพราะแต่งเติม ไม่หยุดจนกลายเป็นวัดที่สวยงามมาก คนมาเที่ยวนมัสการไม่ขาด วันนี้คนไม่มาก เลยนมัสการกันเต็มที่ไม่มีคนแย่ง เรามาวัดนี้เพื่อกราบศพหลวงพ่อ เขาไม่ได้เผานะ ใส่โลงจำปาเก็บไว้บนศาลาเฉพาะ จากนั้นก็ลงไป ถ่ายภาพสวนหย่อมสวย ๆ ทั้งนั้น เสร็จแล้วค่อยเข้าไปกราบพระในพระอุโบสถ ทำบุญช่วยวัดค่าน้ำค่าไฟและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาวัดวาอาราม จะกลับแล้วไม่เห็นยาย รออยู่นานค่อยโผล่มาทราบว่าไปถวายสังฆทาน สังฆทานวัดนี้ก็หมือนวัดอื่น ๆเขาจัดเป็นครุพลาสติคหุ้มกระดาษแก้ว และแบบผ้าไตร ชุดละ 50 บาท ชุดละ 100
บาท เขาเอาแต่เงินนั่นแหละ ของก็เอาไปวางไว้ให้คนเช่าต่อไป จัดไว้อย่างละ 20 ชุด ไม่เคยหมด สาธุกระผม มากราบคารวะท่านแล้วนะหลวงพ่อ ยังซึ้งในพระคุณที่ท่านเคยเมตตาไม่ลืมครับ


........ออกจากวัดเลยมาไม่ถึงสามร้อยเมตรก็เป็นที่ตั้งพระธาตุศรีสองรัก สัญญลักษณ์จังหวัดเลย ที่เล่ากันว่าสร้าง สมัยพระเจ้าจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยากับพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งเวียงจันทร์ทำสัญญาไมตรีต่อกันเพื่อช่วยรบ กับพม่าที่ชอบราวีทั้งอยุธยาและเวียงจันทร์ ตกลงสร้างพระธาตุไว้ที่ชายแดนเป็นหลักฐาน เป็นพยานแห่งสองกรุงศรี คือศรีอยุธยาและศรีสัตนาคนหุต ไม่ใช่เจดีย์เก็บอัฐิธาตุใด ๆ เลยเรียกชื่อ พระธาตุศรีสองรัก(กัน) แวะขับรถไปดู ยกมือไหว้แล้วออกมา ยายบอกไม่ลงหรอกคนแน่นมาก มาไหว้หลายครั้งแล้ว ผ่านไปเถอะ
.........ขับรถในเขตเมืองเลย ขึ้นเขาลงเขาเป็นเรื่องปกติ ออกจากด่านซ้ายสามโมงแล้ว มาถึงโพนงามมีทางสามแพร่ง ไปหล่มเก่า ไปภูเรือและไปด่านซ้าย หมู่บ้านนี้ตกแต่งถนนสวยงาม ไม้คริสตมาสสีแดงเต็มเกาะกลางถนน เพลินตาดี ผ่านหน้าโรงเรียนวังโพนงาม เคยมาบรรยายการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน หลายครั้ง แนะนำให้ครูสร้างเวบไซท์ ให้โรงเรียนติดตั้งศูนย์เครือข่ายออนไลน์ แนะนำตั้งแต่ พ.ศ. 2535 เชียวนะ จนเรา เกษียณกระทรวงเพิ่งตื่น แต่ดูจะไม่เอาจริงเห็นพยายามแจกแทปเลตขณะที่ครูยังไม่มีศูนย์บริการเครือข่ายเพื่อ การสอน เด็กต้องเปิดแทปเลตใช้ข้อมูลที่คนขายเครื่องจัดให้ ที่สุดก็มีแต่เกม เสียดายเหมือนกัน เราผ่านเข้าเขต อำเภอภูเรือ เห็นชาวบ้านเพาะชำกล้าไม้ดอกไม้ประดับสุดสองฝั่งถนน มิน่าผลผลิตถึงได้มากมาย ขนาดเคยส่ง ไปช่วยงานพืชสวนโลกที่เชียงใหม่ ส่งไปประดับถนนราชดำเนินสีเหลือง สีแดงเต็มเกาะกลางถนน ไปจากที่นี่เอง เขา สั่งให้เพาะไว้เป็นหมื่นเป็นแสนต้น เศรษฐกิจภูเรือดีมาก ๆ เลยมาเป็นสวนองุ่นหมอชัยยุทธ เคยแวะชมแต่ตอนนี้เห็น ว่าไม่มีองุ่นให้ชม เลยไม่แวะ จนถึงบ้านร่องจิก ทางเข้าเกษตรที่สูงภูเรือ
..........ทางเลี้ยวขวาเข้าไป 25 กิโลเมตร เคยเข้ามารู้จักสภาพถนนต้องปีนเขาหลายลูก ดีที่ไม่สูงมาก แค่ ใจหายใจคว่ำ มาครั้งก่อนถนนลูกรัง ฝนตกอย่าเลยลื่นมาก มาวันนี้ลาดยางตลอดค่อยสบายล้อรถหน่อย ยายกอดอกเงียบไม่พูดไม่จา สงสัยนับยอดเขาที่ปีนอยู่ มากกว่ายี่สิบลูกแล้วกันค่อยเห็นป้ายเกษตรที่สูงภูเรือ มีนาย ทวารบาลแต่งตัวยังกะพนักงานโรงแรม โบกให้จอดถามไถ่ไปมายังไง แนะนำให้รู้ว่าที่นี่คือศูนย์วิจัยเกษตรที่สูง ตอนนี้มีไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกไว้กำลังสวยคนมาเที่ยวชมวันละมาก ๆ บางคนมาค้างแรมด้วยนะ ที่พักก็มี ถ่ายภาพสวย ๆ ด้านโน้น ไม้ดอกสวยงามมากต้องด้านนี้ ครู่หนึ่งก็ให้ผ่านเข้าไป เรานำรถไปลานจอด แล้วยายกับหมู ก็พากันไปหาถ่ายภาพ ดีนะสมัยนี้ใช้มือถือแทนกล้อง แบตหมดก็ชาร์ทไฟรถได้ หมูมีพาวเวอร์แบงค์ 1 ตัว ตา ก็มี 1 ตัว เชิญตามสบายหายห่วง ลานสวนไม้ดอกไม้ประดับ คนเยอะจริง ๆ เป็นไม้เมืองหนาวก็เยอะ มิน่าคนถึง ชอบมาถ่ายภาพกัน เราเดินไปดูแปลงไม้กฤษณา มาครั้งก่อนยังต้นเล็ก ๆสูงแค่เมตรสองเมตร วันนี้โตมากแล้ว สูงห้าหกเมตรได้ หันไปมองรอบ ๆ ภูเขาทั้งนั้น นับดู 1 2 3...50 เลยเลิกคือมันมากจริง ๆ มิน่าเรียกเกษตรที่สูง เหนื่อยเดิน  ก็กลับมาที่รถ เราเอาสองหมาลงมาเดิน ถามเจ้าหน้าที่แล้วไม่ห้าม เดินผ่านเจ้าหน้าที่สาวสองคนนั่งยิ้ม
ให้เลยแวะถามนั่งทำอะไรกัน เธอชี้ให้อ่านป้าย อ๋อบริการข้อมูลแก่ผู้มาเยี่ยมชม มีอะไรบริการบ้างล่ะ อยากได้ ข้อมูลศูนย์ทำอะไรบ้างมีไหม เธอบอกไม่มี อ้าวแล้วมีอะไรบ้างล่ะ ที่พักค่ะ บ้านพักสองหลัง ลานกางเต้นสามแห่ง บ้านพักต้องจองล่วงหน้า เพราะมักจะเต็ม ส่วนเต้นเอามาเองเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท เช่าคืนละ 200-300 ตามขนาดเล็กใหญ่ ตาจะค้างกะเราไหมคะ แหมหนูถามแบบนี้เดี๋ยวหัวนาคราชก็โผล่หรอก ปฏิเสธการพักแล้วเดินไปหายาย เห็นบ่นหิว ไปร้านอาหาร สั่งต้มยำ ปลาทอด ส้มตำ ข้าวสวย ข้าวเหนียว อร่อยเกินสงสัยเดินเหนื่อยมาก ซัดซะเต็มอิ่ม ออกมาเจอผักกาดขาว หัว  ละกิโลขายยี่สิบ ซื้อมาห้ากิโลกรัมจะเอาไปฝากเขา ทานข้าวเสร็จก็ลาจาก เดินทางต่อ กลับทางเดิมมาบ้านร่องจิก เลี้ยวขวาไปทางอำเภอภูเรือ สองข้างทางสวนเพาะชำไม้ดอกไม้ประดับของ อำเภอภูเรือ ผ่านหน้าโรงเรียนภูเรือวิทยา นี่ก็มานิเทศบ่อย ทั้งเรื่องภาษาไทย และนวัตกรรม การวิจัยชั้นเรียน ผู้
บริหารคุ้นเคยกันเลยเรียกใช้บริการบ่อย ผ่านไปหน้าที่ว่าการอำเภอ กำลังจัดงานเทศกาลไม้เมืองหนาว แผงขายสินค้า แผงขายต้นไม้ดอกไม้ประดับ เต็มสนาม คนขวักไขว่ไปมา ถามยายจะดูไหม ยายส่ายหน้าบอกเหนื่อย ก็ผ่านไป 






.........ภูเรือวันนี้นักท่องเที่ยวมากันเยอะ รีสอร์ท ที่พักผุดขึ้นมากมาย ออกนอกเขตอำเภอมาก็เห็นบ้านสีชมพู คนพาเด็ก ๆ เข้าชม เคยพาหลานมาเที่ยว วันนี้ขอผ่าน จนมาถึงโค้งเกินร้อยศพ แต่ป้ายยังเรียกร้อยศพอยู่ เมื่อปี 2540 ผ่านมาเห็นเรียก โค้ง 100 ศพแล้ว ผ่านมาถึงวันนี้เกินแล้วแหละ ทางมันลงเขาโค้งไปมาแบบเขาพับผ้า พวกเมาแล้วขับไม่รอดหรอก เขาเลยตั้งศาลใกล้ป่าข้างทางไว้ให้ ลงเขามาไม่นานก็ถึงบ้านไร่ม่วง แวะตลาด อบต.ไร่ม่วง สับปะรดไร่ม่วงอร่อยมาก แม้หน้าทนี้จะเปรี้ยวนิดหน่อยแต่ก็ยังอร่อยเลยซื้อมาสิบกิโล จากนั้นก็เดินทางต่อ เข้าเขตเทศบาลเมืองเลย จะผ่านไปทางเชียงคานก่อน มีเป้าหมายไปตลาดสดบ้านนาอ้อ หาซื้อผักและของกินก่อน เวลาบ่ายสี่โมงพอดี ได้ของแล้วก็กลับเข้าบ้าน  ไปถึงบ้านไม่มีเจ้าของบ้าน เลยยึดบ้านซะเลย ลูกสาวคนโตพาครอบครัวไปปีใหม่ที่ขอนแก่น แถม มันสั่งให้เราเลี้ยงหมาให้ด้วย หมาตัวใหญ่มากแต่ไม่ดุกับเราเพราะมันจำเราได้มาบ่อย เลยจับไปมัดโซ่แล้วหาข้าว ให้กิน ตัวเล็กสองตัวยายจัดการให้นอนในกล่องเอาเข้าในบ้าน คนก็ได้กับข้าวที่ซื้อมาทานกันอร่อยมากเพราะมัน เหนื่อยและหิว ได้อาบน้ำอุ่นแล้วก็ได้ดูละครและหลับคาหน้าจอทีวี คืนนี้พักบ้านเลขที่ 65 ถนนมะลิวัลย์ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย 42000 ก่อนเคยเป็นบ้านเรานะ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นของลูกสามคน ถึงเวลาแบ่งกันเอง มีอีกแปลงสวนต้นสักก็ให้พวกเขา ตอนนี้ตาไม่มีสมบัติอะไรแล้ว ไปไหนมาไหนไม่มีห่วงสมบัติ พักดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ 






--------------
ตาเฒ่าเขียน 4 มกราคม 2560

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น