นวโกวาท........เนื้อหาส่วนที่เรียกว่า คิหิปฏิบัติ สำหรับพระนวกะที่บงชชั่วคราว ศึกษาให้เข้าใจ เมื่อลาสิกขาไปแล้ว ก็นำไปใช้ประโยชนฺได้
------------------------------------------------------------------------
| จตุกกะ | ||
| กรรมกิเลส คือ กรรมเครื่องเศร้าหมอง ๔ อย่าง | ||
| ๑. ปาณาติบาต ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง. | ||
| ๒. อทินนาทาน ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย. | ||
| ๓. กาเมสุ มิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม. | ||
| ๔. มุสาวาท พูดเท็จ. | ||
| กรรม ๔ อย่างนี้ นักปราชญ์ไม่สรรเสริญเลย. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๕. | ||
| อบายมุข คือ เหตุเครื่องฉิบหาย ๔ อย่าง | ||
| ๑. ความเป็นนักเลงหญิง. | ||
| ๒. ความเป็นนักเลงสุรา. | ||
| ๓. ความเป็นนักเลงเล่นการพนัน. | ||
| ๔. ความคบคนชั่วเป็นมิตร. | ||
| โทษ ๔ ประการนี้ ไม่ควรประกอบ. | ||
| องฺ. อฏฺฐก. ๒๓/๒๙๖. | ||
| ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์ในปัจจุบัน ๔ อย่าง (๑) | ||
| ๑. อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่น ในการประกอบกิจเครื่องเลี้ยงชีวิตก็ดี ในการศึกษา | ||
| เล่าเรียนก็ดี ในการทำธุระหน้าที่ของตนก็ดี. | ||
| ๒. อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา คือรักษาทรัพย์ที่แสวงหามาได้ด้วยความหมั่น ไม่ให้ | ||
| เป็นอันตรายก็ดี รักษาการงานของตน ไม่ให้เสื่อมเสียไปก็ดี. | ||
| ๓. กัลยาณมิตตตา ความมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว. | ||
| ๔. สมชีวิตา ความเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หาได้ ไม่ให้ฝืดเคืองนัก ไม่ให้ฟูมฟายนัก. | ||
| องฺ. อฏฺฐก. ๒๓/๒๙๔. | ||
| สัมปรายิกัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์ภายหน้า ๔ อย่าง (๒) | ||
| ๑. สัทธาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือเชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ เช่นเชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น. | ||
| ๒. สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล คือรักษากายวาจาเรียบร้อยดี ไม่มีโทษ. | ||
| ๓. จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการบริจาคทาน เป็นการเฉลี่ยสุขให้แก่ผู้อื่น. | ||
| ๔. ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ เป็นต้น | ||
| ๑. ในบาลีใช้ว่า ธรรม ๔ ประการ เป็นไปเพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขในปัจจุบัน. | ||
| ๒. ในบาลีใช้ว่า ธรรม ๔ ประการ เป็นไปเพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขในภายหน้า. | ||
| องฺ. อฏฺฐก. ๒๓/๒๙๗. | ||
| มิตตปฏิรูป คือ คนเทียมมิตร ๔ จำพวก | ||
| ๑. คนปอกลอก. | ||
| ๒. คนดีแต่พูด. | ||
| ๓. คนหัวประจบ. | ||
| ๔. คนชักชวนในทางฉิบหาย. | ||
| คน ๔ จำพวกนี้ ไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร ไม่ควรคบ. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๙. | ||
| ๑. คนปอกลอก มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว. | ||
| (๒) เสียให้น้อย คิดเอาให้ได้มาก. | ||
| (๓) เมื่อมีภัยแก่ตัว จึงรับทำกิจของเพื่อน. | ||
| (๔) คบเพื่อเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๙. | ||
| ๒. คนดีแต่พูด มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย. | ||
| (๒) อ้างเอาของที่ยังไม่มีมาปราศรัย. | ||
| (๓) สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้. | ||
| (๔) ออกปากพึ่งมิได้. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๐ | ||
| ๓. คนหัวประจบ มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) จะทำชั่วก็คล้อยตาม. | ||
| (๒) จะทำดีก็คล้อยตาม. | ||
| (๓) ต่อหน้าว่าสรรเสริญ. | ||
| (๔) ลับหลังตั้งนินทา. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๐. | ||
| ๔. คนชักชวนในทางฉิบหาย มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) ชักชวนดื่มน้ำเมา. | ||
| (๒) ชักชวนเที่ยวกลางคืน. | ||
| (๓) ชักชวนให้มัวเมาในการเล่น. | ||
| (๔) ชักชวนเล่นการพนัน. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๐. | ||
| มิตรแท้ ๔ จำพวก | ||
| ๑. มิตรมีอุปการะ. | ||
| ๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์. | ||
| ๓. มิตรแนะประโยชน์. | ||
| ๔. มิตรมีความรักใคร่. | ||
| มิตร ๔ จำพวกนี้ เป็นมิตรแท้ ควรคบ. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๑. | ||
| ๑. มิตรมีอุปการะ มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว. | ||
| (๒) ป้องกันทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว. | ||
| (๓) เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้. | ||
| (๔) เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๑. | ||
| ๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) ขยายความลับของตนแก่เพื่อน. | ||
| (๒) ปิดความลับของเพื่อนไม่ให้แพร่งพราย. | ||
| (๓) ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ. | ||
| (๔) แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๑. | ||
| ๓. มิตรแนะประโยชน์ มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว. | ||
| (๒) แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี. | ||
| (๓) ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง. | ||
| (๔) บอกทางสวรรค์ให้. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๑. | ||
| ๔. มิตรมีความรักใคร่ มีลักษณะ ๔ | ||
| (๑) ทุกข์ ๆ ด้วย. | ||
| (๒) สุข ๆ ด้วย. | ||
| (๓) โต้เถียงคนที่พูดติเตียนเพื่อน. | ||
| (๔) รับรองคนที่พูดสรรเสริญเพื่อน. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๒. | ||
| สังคหวัตถุ ๔ อย่าง | ||
| ๑. ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน. | ||
| ๒. ปิยวาจา เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน. | ||
| ๓. อัตถจริยา ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น. | ||
| ๔. สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว. | ||
| คุณทั้ง ๔ อย่างนี้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจของผู้อื่นไว้ได้. | ||
| องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๔๒. | ||
| สุขของคฤหัสถ์ ๔ อย่าง | ||
| ๑. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์. | ||
| ๒. สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค. | ||
| ๓. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้. | ||
| ๔. สุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ปราศจากโทษ. | ||
| องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๙๐. | ||
| ความปรารถนาของบุคคลในโลกที่ได้สมหมายด้วยยาก ๔ อย่าง | ||
| ๑. ขอสมบัติจงเกิดมีแก่เราโดยทางที่ชอบ. | ||
| ๒. ขอยศจงเกิดมีแก่เราและญาติพวกพ้อง. | ||
| ๓. ขอเราจงรักษาอายุให้ยืนนาน. | ||
| ๔. เมื่อสิ้นชีพแล้ว ขอเราจงไปบังเกิดในสวรรค์. | ||
| องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๘๕. | ||
| ธรรมเป็นเหตุให้สมหมาย มีอยู่ ๔ อย่าง | ||
| ๑. สัทธาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศรัทธา. | ||
| ๒. สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล. | ||
| ๓. จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการบริจาคทาน. | ||
| ๔. ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา. | ||
| องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๘๑. | ||
| ตระกูลอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้ เพราะสถาน ๔ | ||
| ๑. ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว. | ||
| ๒. ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า. | ||
| ๓. ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ. | ||
| ๔. ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน. | ||
| ผู้หวังจะดำรงตระกูล ควรเว้นสถาน ๔ ประการนั้นเสีย. | ||
| องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๓๓๖. | ||
| ธรรมของฆราวาส ๔ | ||
| ๑. สัจจะ สัตย์ซื่อต่อกัน. | ||
| ๒. ทมะ รู้จักข่มจิตของตน. | ||
| ๓. ขันติ อดทน. | ||
| ๔. จาคะ สละให้ปันสิ่งของของตนแก่ตนที่ควรให้ปัน. | ||
| สํ. ส. ๑๕/๓๑๖. | ||
| ปัญจกะ | ||
| ประโยชน์เกิดแต่การถือโภคทรัพย์ ๕ อย่าง | ||
| แสวงหาโภคทรัพย์ได้โดยทางที่ชอบแล้ว | ||
| ๑. เลี้ยงตัว มารดา บิดา บุตร ภรรยา บ่าวไพร่ ให้เป็นสุข. | ||
| ๒. เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข. | ||
| ๓. บำบัดอันตรายที่เกิดแต่เหตุต่าง ๆ. | ||
| ๔. ทำพลี ๕ อย่าง คือ | ||
| ก. ญาติพลี สังเคราะห์ญาติ. | ||
| ข. อติถิพลี ต้องรับแขก. | ||
| ค. ปุพพเปตพลี ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย. | ||
| ฆ. ราชพลี ถวายเป็นหลวง มีภาษีอากรเป็นต้น. | ||
| ง. เทวตาพลี ทำบุญอุทิศให้เทวดา. | ||
| ๕. บริจาคทานในสมณะพราหมณ์ผู้ประพฤติชอบ. | ||
| องฺ. ปญฺจก. ๒๒/๔๘. | ||
| ศีล ๕ | ||
| ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป. | ||
| ๒. อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย. | ||
| ๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม. | ||
| ๔. มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดเท็จ. | ||
| ๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี เว้นจากดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความ | ||
| ประมาท. | ||
| ศีล ๕ ประการนี้ คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นนิตย์. | ||
| องฺ. ปญฺจก. ๒๒/๒๒๖. | ||
| มิจฉาวณิชชา คือการค้าขายไม่ชอบธรรม ๕ อย่าง | ||
| ๑. ค้าขายเครื่องประหาร. | ||
| ๒. ค้าขายมนุษย์. | ||
| ๓. ค้าขายสัตว์เป็นสำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหาร. | ||
| ๔. ค้าขายน้ำเมา. | ||
| ๕. ค้าขายยาพิษ. | ||
| การค้าขาย ๕ อย่างนี้ เป็นข้อห้ามอุบาสกไม่ให้ประกอบ. | ||
| องฺ. ปญฺจก. ๒๒/๒๓๒. | ||
| สมบัติของอุบาสก ๕ ประการ | ||
| ๑. ประกอบด้วยศรัทธา. | ||
| ๒. มีศีลบริสุทธิ์. | ||
| ๓. ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคล. | ||
| ๔. ไม่แสวงหาเขตบุญนอกพุทธศาสนา. | ||
| ๕. บำเพ็ญบุญแต่ในพุทธศาสนา. | ||
| อุบาสกพึงตั้งอยู่ในสมบัติ ๕ ประการ และเว้นจากวิบัติ ๕ ประการ ซึ่งวิปริตจากสมบัตินั้น. | ||
| องฺ. ปญฺจก. ๒๒/๒๓๐. | ||
| ฉักกะ | ||
| ทิศ ๖ | ||
| ๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา. | ||
| ๒. ทิกขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์. | ||
| ๓. ปัจฉิมทิศ คือทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา. | ||
| ๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร. | ||
| ๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว. | ||
| ๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องต้น สมณพราหมณ์. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๓. | ||
| ๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา บุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ. | ||
| (๒) ทำกิจของท่าน. | ||
| (๓) ดำรงวงศ์สกุล. | ||
| (๔) ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก. | ||
| (๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๐/๒๐๓. | ||
| มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว. | ||
| (๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี. | ||
| (๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา. | ||
| (๔) หาภรรยาที่สมควรให้. | ||
| (๕) มอบทรัพย์ให้ในสมัย. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๓. | ||
| ๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์ ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ด้วยลุกขึ้นยืนรับ. | ||
| (๒) ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้. | ||
| (๓) ด้วยเชื่อฟัง. | ||
| (๔) ด้วยอุปัฏฐาก. | ||
| (๕) ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๓. | ||
| อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) แนะนำดี. | ||
| (๒) ให้เรียนดี. | ||
| (๓) บอกศิลปให้สิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพราง. | ||
| (๔) ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง. | ||
| (๕) ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย (คือจะไปทางทิศไหนก็ไม่อดอยาก). | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔. | ||
| ๓. ปัจฉิมทิส คือทิศเบื้องหลัง ภรรยา สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา. | ||
| (๒) ด้วยไม่ดูหมิ่น. | ||
| (๓) ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ. | ||
| (๔) ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้. | ||
| (๕) ด้วยให้เครื่องแต่งตัว. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔. | ||
| ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) จัดการงานดี. | ||
| (๒) สงเคราะห์คนข้างเคียงของผัวดี. | ||
| (๓) ไม่ประพฤติล่วงใจผัว. | ||
| (๔) รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาได้ไว้. | ||
| (๕) ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔. | ||
| ๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ด้วยให้ปัน. | ||
| (๒) ด้วยเจรจาถ้อยคำไพเราะ. | ||
| (๓) ด้วยประพฤติประโยชน์. | ||
| (๔) ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ. | ||
| (๕) ด้วยไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความเป็นจริง. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔. | ||
| มิตรได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว. | ||
| (๒) รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว. | ||
| (๓) เมื่อมีภัย เอาเป็นที่พึ่งพำนักได้. | ||
| (๔) ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ. | ||
| (๕) นับถือตลอดถึงวงศ์ของมิตร. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕. | ||
| ๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว นายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ด้วยจัดการงานให้ทำตามสมควรแก่กำลัง. | ||
| (๒) ด้วยให้อาหารและรางวัล. | ||
| (๓) ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บไข้. | ||
| (๔) ด้วยแจกของมีรสแปลกประหลาดให้กิน. | ||
| (๕) ด้วยปล่อยในสมัย. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕. | ||
| บ่าวได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ลุกขึ้นทำการงานก่อนนาย. | ||
| (๒) เลิกการงานทีหลังนาย. | ||
| (๓) ถือเอาแต่ของที่นายให้. | ||
| (๔) ทำการงานให้ดีขึ้น. | ||
| (๕) นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้น ๆ. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕. | ||
| ๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์ กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ | ||
| (๑) ด้วยกายกรรม คือทำอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา. | ||
| (๒) ด้วยวจีกรรม คือพูดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา. | ||
| (๓) ด้วยมโนกรรม คือคิดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา. | ||
| (๔) ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน. | ||
| (๕) ด้วยให้อามิสทาน. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕. | ||
| สมณพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖ | ||
| (๑) ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว. | ||
| (๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี. | ||
| (๓) อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม. | ||
| (๔) ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง. | ||
| (๕) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่ม. | ||
| (๖) บอกทางสวรรค์ให้. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๖. | ||
| อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ | ||
| (๑) ดื่มน้ำเมา. | ||
| (๒) เที่ยวกลางคืน. | ||
| (๓) เที่ยวดูการเล่น. | ||
| (๔) เล่นการพนัน. | ||
| (๕) คบคนชั่วเป็นมิตร. | ||
| (๖) เกียจคร้านทำการงาน. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๖. | ||
| ๑. ดื่มน้ำเมา มีโทษ ๖ | ||
| (๑) เสียทรัพย์. | ||
| (๒) ก่อการทะเลาะวิวาท. | ||
| (๓) เกิดโรค. | ||
| (๔) ต้องติเตียน. | ||
| (๕) ไม่รู้จักอาย. | ||
| (๖) ทอนกำลังปัญญา. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๖. | ||
| ๒. เที่ยวกลางคืน มีโทษ ๖ | ||
| (๑) ชื่อว่าไม่รักษาตัว. | ||
| (๒) ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย. | ||
| (๓) ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ. | ||
| (๔) เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย. | ||
| (๕) มักถูกใส่ความ. | ||
| (๖) ได้ความลำบากมาก. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. | ||
| ๓. เที่ยวดูการเล่น มีโทษตามวัตถุที่ไปดู ๖ | ||
| (๑) รำที่ไหนไปที่นั้น. | ||
| (๒) ขับร้องที่ไหนไปที่นั้น. | ||
| (๓) ดีดสีตีเป่าที่ไหนไปที่นั้น. | ||
| (๔) เสภาที่ไหนไปที่นั้น. | ||
| (๕) เพลงที่ไหนไปที่นั้น. | ||
| (๖) เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั้น. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. | ||
| ๔. เล่นการพนัน มีโทษ ๖ | ||
| (๑) เมื่อชนะย่อมก่อเวร. | ||
| (๒) เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป. | ||
| (๓) ทรัพย์ย่อมฉิบหาย. | ||
| (๔) ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ. | ||
| (๕) เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน. | ||
| (๖) ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. | ||
| ๕. คบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษตามบุคคลที่คบ ๖ | ||
| (๑) นำให้เป็นนักเลงการพนัน. | ||
| (๒) นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้. | ||
| (๓) นำให้เป็นนักเลงเหล้า. | ||
| (๔) นำให้เป็นคนลวงเขาด้วยของปลอม. | ||
| (๕) นำให้เป็นคนลวงเขาซึ่งหน้า | ||
| (๖) นำให้เป็นคนหัวไม้. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. | ||
| ๖. เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ ๖ | ||
| (๑) มักให้อ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน. | ||
| (๒) มักให้อ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน. | ||
| (๓) มักให้อ้างว่า เวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน. | ||
| (๔) มักให้อ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน. | ||
| (๕) มักให้อ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน. | ||
| (๖) มักให้อ้างว่า ระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน. | ||
| ผู้หวังความเจริญด้วยโภคทรัพย์ พึงเว้นเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ ประการนี้เสีย. | ||
| ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. | ||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น