วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561

สงกรานต์และการละเล่นพื้นบ้าน



                                                                        ถ่ายกับหมาตัวโปรด

.............เคยสัมผัสเทศกาลวันสงกรานต์มานานหลายครั้ง นับแต่รู้ความ อยู่ ป.3 ปี 2496 ก่อนนั้นเขาก็มี แต่ไม่รู้จัก ปีที่บอกว่ารู้จักและจำได้ เพราะได้ไปดูผู้ใหญ่เขาเล่น วิ่งขาโถกเถกชอบมากกลับมาขอให้พ่อทำให้คู่หนึ่ง ได้แล้วก็หัดขี่อยู่หลายวันกว่าจะขี่ได้ รู้สึกมันภูมิใจมากที่ขี่ขาโถกเถกเป็น ขนาดไปสวนกับแม่ยังเอาไปด้วย ไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยงานหรอก มัวแต่เล่นแม่ก็ไม่ดุด่านะ เด็ก ป.3 เอง คนช่วยแม่มาตั้งสามคน เป็นสาวทั้งนั้น ไม่ถามหาเราหรอกกลับบ้านยังไม่เรียกเลย เราเดินเล่นสนุกจนค่ำมืด พ่อมาตามเอง อ้ายห่า ค่ำแล้วกลับบ้านทีสินั่น แหละถึงรีบกลับ คนกำลังสนุกจนลืมหิว
แบบนี้แหละขาโถกเถก


...........รู้จักสงกรานต์ทุกปีนับแต่นั้นมาครับ ปีนี้ก็ 2561 ลบกันผลลัพธ์ 65 บวกอีก 1 เป็น 66ผ่านมาถึง 66 ปีเชียว แสดงว่ามีสงกรานต์ 65 ครั้ง ส่วนครั้ง 66 อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แหละ สมัยเด็กชอบสงกรานต์เพราะได้เห็น การละเล่นพื้นบ้าน 13-15 เมษายน เป็นช่วงที่พ่อแม่ปล่อยบุตรหลานอิสระไปเที่ยวเล่นกันได้ ปกติทำแต่งานบ้าน สงกรานต์ให้งดงานบ้านทุกอย่าง เช่นงานตำข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสาร บ้านเราคนเยอะ ลูกหกคน กินเยอะ สามวันหมดข้าวเปลือก 1 หาบตะกร้า ตำเสร็จได้ข้าวสารไม่เต็มถัง กินสองสามวันก็หมด จึงเห็นพี่สาวสามคนช่วยกันตำข้าวบ่อยมาก ข้างยุ้งข้าว พ่อทำเพิงหลังคาแฝกกันฝนไว้ ด้านล่างเป็นครกมองใหญ่ เขาตื่นเช้ามืดตำข้าวกัน วันไหนนึกสนุกก็ลงมาช่วยเขา ให้เขาด่าว่าเกะกะเพราะดันไปเหยียบไม่ถูกจังหวะ จนมีความรู้นะว่า ข้าวเปลือกใส่ครกมอง ต้องเริ่มด้วยสากเล็กกว่าเพื่อน เรียกสากตำจนกระเทาะเปลือสักครึ่งต่อครึ่ง ก็คดออกมาใส่กระด้งฝัดเอาแกลบออก แล้วใส่ครกตำรอบที่สอง เปลี่ยนสากขนาดใหญ่ขึ้นเรียกว่า สากต่าว ตำรอบนี้ข้าวเปลือกจะกระเทาะมากขึ้น ถ้าคิดเป้นร้อยละน่าจะอยู่ช่วง 75-80  หมดยกก็ฝัดเอาแกลบออกอีก รอบที่สามเป็นสากใหญ่สุดเรียก สากซ้อม เพื่อกระเทาะส่วนที่เหลือ และขัดให้ข้าวสารมีสีขาวน่ากิน จะมีรำอ่อนปนมาด้วย รอบนี้จึงมีการร่อนรำออกก่อน ค่อยฝัดและเลือกเม็ดที่ยังไม่กระเทาะออก ไปใส่ครกตำอีกรอบ ที่สุดก็ได้ข้าวสารไว้กินในครัวเรือน ก่อนสงกรานต์นี่ต้องมีข้าวสารไว้กิน 3 วันชวงสงกรานต์เขางดงานกันหมด ทำไร่ทำสวนก็งด ตำข้าวก็ระบุด้วยไม่ให้ทำ


                                                   ครกมองตำข้าวเปลือเป็นข้าวสารได้นะเออ

...........งานประจำอย่างที่สอง คือต้องมีฟืน ถ่านยังไม่มีใครเผาใช้หรอก ข้างบ้านจะมีกองฟืนสุมๆไว้ ก็ลูกสาวนั่นแหละไปเก็บมาจากป่า หาบมากองไว้ ถ้าเยอะก็สั่งเกวียนไปช่วยลากถ้ามีเกวียน เราก็ได้โอกาสไปเกะกะเขา ได้นั่งเกวียนไป ขากลับเดินก็เอา อยากไปเที่ยว  ฟืนกิ่งไม้ยาง ไม้สะแก พี่เขาบั่นท่อนกองไว้ เกวียนไปถึงก็ปล่อยให้พี่เขาขนฟืนใส่เกวียนเราก็วิ่งเล่นตามหน้าที่ โห 7-8 ขวบเองครับ ไปช่วยก็คือไปเกะกะ อยู่ห่าง ๆ ดีกว่า อ้อผมเป็นลูกคนสุดท้อง พี่คนถัดจากผมเขา 12 ปี แล้ว เลยไม่มีใครอยากให้ช่วยงาน เกะกะจริง ๆ ขากลับนี่ต้องเดิน เกวียนบรรทุกฟืนไว้เต็ม นั่งไม่สบาย เดินดีกว่า ก่อนสงกรานต์ ฟืนก็ต้องหามาตุนให้ให้เพียงพอ


เอื้อยหาบฟืนหนัก พักก่อนค่อยไปต่อ

..............งานอื่น ๆ แล้วแต่ความจำเป็น เช่นบางครอบครัวต้องมีคนเฝ้าไข้คนเจ็บป่วยงาน ให้อาหารสัตว์เลี้ยง จำเป็นก็ทำได้ แต่ถ้าไม่ใช่งานจำเป็นก็มักจะงดกัน เพื่อมิให้ต้องมัวกังวลไปทำงาน เที่ยวสงกรานต์จะได้สนุก ๆ กันหน่อย เมื่อเตรียมกิจจำเป็นต่าง ๆ ดีแล้วพ่อแม่ก็ปล่อยให้บุตรหลานรุ่นใหญ่ไปเที่ยวสงกรานต์กันได้ ได้พบปะเพื่อนฝูง เพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ บางคนโชคดีก็พบเนื้อคู่ นำไปสู่การแต่งการแต่งงานก็มี นั่นคือผู้ใหญ่ แต่เด็ก ๆไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับการเที่ยวดูการละเล่นพื้นบ้าน ที่ผู้ใหญ่เขาเล่นกัน หรือมีเพื่อน ๆเล่นอะไรที่น่าสนใจก็ไปขอร่วมวงเล่นกับเขา แต่เช้ายันเย็น สามวันได้เห็นการละเล่นมากมายเอามาเล่าก็คงไม่หมด  ข้อเขียนชุดนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องการละเล่นพื้นบ้าน ที่น่าจะหายไปซะเป็นส่วนมาก เล่าไว้เป็นหลักฐาน ว่าครั้งหนึ่งชาวบ้านเราเล่นสงกรานต์ เล่นอะไรกัน.

.............1. ม้าหลังโปก ออกจากบ้านจะเห็นพวกหนุ่มสาวจับกลุ่มกันเล่นตามร่มไม้ริมถนนใหญ่ เด็ก ๆ เราก็ต้องแวะไปดู พี่สาวเราสามคนอยู่ในกลุ่ม คนซักยี่สิบหญิงชายปนกัน แบ่งเป็นสองทีม ทีมที่หนึ่งเป็นม้า อีกทีมก็เป็นคนขี่ วิธีเล่นจะยืนม้าเป็นวงกลม มีอุปกรณ์คือลูกบอลทำด้วยผ้าขะม้ามัดกลม ๆ ใช้โยนให้คนขี่รับ ถ้ารับไม่พลาด ก็โยนต่อไปเรื่อยจนคนรับพลาด คนรับพลาดรีบวิ่งหลบ ม้าจับบอลได้ปาใส่ให้ทัน ถ้าโดนก็เปลี่ยนฝ่ายกันเล่น ถ้าไม่โดนก็เป็นม้าให้เขานั่งต่อ  กติกาการเล่น อนุญาตให้ม้ากระดุกกระดิกได้ จะทำให้รับบอลยาก ม้าเกเรมากอนุญาตใช้บอลเคาะหัวได้ไม่โกรธกัน แต่ม้าสาวไม่โดนหัวหรอก หนุ่มมันเคาะแก้มแทน สนุกตรงได้ขี่หลังเพื่อน โดยเฉพาะเพื่อนที่กำลังจีบกัน จะโดนแกล้งให้จับคู่กันให้สาวขี่หลัง เพื่อน ๆ ก็คอยแซว สนุกสนานกัน เลิกเล่นกันเมื่อเหนื่อย พักทานข้าวไปเล่นอย่างอื่น

สู ๆ เล่นบักม้าหลังโปก ม่วนบ่อ

..............2. การเล่นไม้หิงอี่  พวกเด็ก ๆชอบเล่นกัน แต่วัยหนุ่มสาวก็ชอบเหมือนกัน มีสองทีม ทีมละ 3-5 คน กำลังดี อุปกรณ์การเล่นก็หาง่าย ไม้ไผ่ลำขนาดทำด้ามมีด ตัด 2 ท่อนท่อนแรก 70 เซ็นต์เป็นแม่หิงอี่ อีกท่อน 25 เซ็นต์เป็นลูก แค่นี้ก็สนุกกันได้แล้ว จะแข่งกันเล่นทีละฝ่าย หาที่โล่ง ๆเช่นสนาม ลานวัด ขุดหลุมพอกรูปร่างคล้ายเรือลึกสัก 10 เซ็นต์ ยาวคืบ เอาไว้เป็นจุดเริ่มเล่น ซึ่งการเล่นจะมี ดังนี้
..............(1) ตาที่หนึ่ง ขวิด หรือดีด หรือ ซิด ภาษาอีสาน หมายถึงเอาลูกวางขวางหลุมพอกแล้วใช้แม่ สอดงัดดีดให้กระเด็นไปข้างหน้า จะมีคนคอยดักรับลูกทั้งสองฝ่าย คนเล่นจะเล็งไปทางฝ่ายตน  ถ้าฝ่ายตรงข้ามรับได้ ถือว่าการเล่นพลาด ให้ออก เปลี่ยนคนเล่น ถ้าลูกตกพื้น คนเล่นวางแม่พาดขวาหลุมพอกไว้ ให้ฝ่ายตรงข้าม โยนลูกให้ถูกแม่หิงอี่ ถ้าเขาโยนถูกคนเล่นก็ตาย หยุดให้เพื่อนที่เหลือเล่น ถ้าโยนไม่โดน ก็ถือว่าเล่นผ่าน เล่นครบทุกคน ถ้ามีคนเล่นไม่ผ่าน ให้แก้ได้ แบบแก้  0 แก้ ร นั่นแหละ  คนแก้ต้องเป็นเพื่อนที่เล่นผ่าน แก้ให้ วิธีก็คือ เล่นตาที่หนึ่งใหม่แทนเพื่อน ถ้าเล่นผ่าน ก็ถือว่าแก้สำเร็จ ถ้าไม่ผ่านก็จบ ไม่ให้แก้อีกคนที่ไม่ผ่านตาที่ 1 ไม่มีสิทธิ์เล่นตาที่ 2  ตัวอย่างทีม 4 คน เล่นตาที่ 1 ผ่าน 3 แก้ให้คนที่
ไม่ผ่านได้ ก็นับผ่านทั้ง 4 คน  

เล่นหมากหิงอี่ อุปกรณ์แค่นี้

...............(2) ตาที่สองนี้เรียกตาเตะด้วยแม่ไม้หิงอี่ วิธีเตะจะกำส่วปลายด้วยมือที่ถนัด ให้พ้นกำมือสักนิ้ววางลูกพาดขวางไว้ ดูไกล ๆ คล้ายไม้กางเขน พร้อมก็โยกให้ลูกกระดอนขึ้นสักคืบ พอลูกหล่นลง เลีงดี ๆ ใช้แม้ไม้หิงอี่หวดให้กระเด็นไปไกล ๆ อย่าให้รับได้ ก็เช่นเคยมีการดักรับลูกมิให้ตกดิน ถ้าฝ่ายตรงข้ามรับได้ ก็ตาย หยุดเล่นให้เพื่อนเล่นคนต่อไป ถ้ารับไม่ได้ เขาจะโยนลูกกลับมาหลุมพอก ให้ลูกไถลมาใกล้ที่สุด ถ้าวัดได้สั้นกว่าความยาวแม่หิงอี่ถือว่าตาย หน้าที่คนเล่นต้องป้องกันให้ดี ใช้แม่หิงอีฟาดลูกที่เขาโยนมาใก้กระดอนกลับไปยิ่งไกลยิ่งดี ต้องการวัดให้ได้ 10 ความยาวแม่ไม้ หิงอี่ ถ้ายังไม่ถึงสิบ ก็เล่นอีก ได้แล้วก็หยุดให้เพื่อนเล่นในทีมเล่นจนครบทุกคน  ถ้ามีบางคนตาย ก็ให้แก้ได้ 1 ครั้ง แก้ได้ก็ผ่าน แก้ไม่ได้ก็หมดสิทธิ์เล่นตาที่ 3
................(3) ตาเดาะ จะเล่นตานี้ได้เฉพาะคนเล่นผ่านตาที่ 2 เท่านั้น วิธีเล่น ยืนล้อมวงกันที่หลุมพอกนั่นแหละ คนผ่านสองด่านก็ใช้แม่ไม้หิงอี่เดาะลูก ฝ่ายตรงข้ามจะยืนสังเกตมิให้โกงเช่นเดาะ 3 แต่นับ 4 แบบนี้ไม่ได้ ถูกประท้วงได้ ถ้าผิดจริงปรับมิให้เล่น  เดาะได้กี่ครั้งจดจำไว้เอาไปใช้ในตาที่ 4
................(4) ตาตี หมายถึงใช้แม่ไม้หิงอี่ ตีลูกไปไกล ๆ เพื่อกำหนดระยะทาง ด้วยการตีตามจำนวนครั้งที่เดาะได้ ครบแล้วเปลี่ยนให้เพื่อนตีต่อไปเลย จนครบทุกคนจะได้ระยะทางหลายร้อยเมตร เอาไว้ฝ่ายตรงข้ามวิ่งกลับมาที่หลุมพอก วิ่งไป อี่ไป ขาดเสียงตรงไหนก็ให้เพื่อนเปลี่ยน ครบทุกคน ถึงหลุมพอกก็จบเกม
............กติการการเล่นที่ควรรู้ คือการดักรับลูกที่ขวิด หรือเตะมา อีกครั้งที่ดักรับคือตอนตาตีฝ่ายตรงข้ามรับได้ คนเล่นก็ตาย ฝ่ายเดียวกันรับได้ก็โยนให้ไกลออกไป

..........3..วิ่งเปี้ยว การละเล่นที่ง่าย ๆ อุปกรณ์หลักสองต้นสำหรับวิ่งวนรอบแล้วก็ผ้าหนึ่งผืนเอาไว้ตีเมื่อวิ่งไล่ทัน วิธีเล่นแบ่งกันสองทีม 5-7 คน กำลังดี ประจำคนละข้าง ยื่นที่หลักเสารอสัญญาณให้วิ่ง ให้วิ่งทีละคน คนละรอบ คนที่สองรับผ้าแล้ววิ่งเปลี่ยน ฝ่ายวิ่งฝีเท้าดีกว่าวิ่งไล่ทันใช้ผ้าฟาดหลังถูกเป็นจบ เล่นใหม่ สนุกตรงที่ผู้ใหญ่เขาเล่น หนุ่มสาว หนุ่มแกล้งวิ่งช้า ๆ ให้สาว ๆ  ตี ชอบใจต่างหาก แต่ทีมเด็ก ๆ เขาแข่งกันจริง ก็สนุกแบบเด็ก ๆ

เด็กนักเรียนเล่น ครูให้แข่งวิงเปี้ยว ไม่ใช่เปรี้ยวเด้อ

..........4.การเล่นหมากสะบ้า ลูกสะบ้าขนาดใหญ่เก็บจากป่า เอามาเล่นกันได้ ไม่มีก็เจียนไม้กระดานหนาสักครึ่งนิ้ว เจยนกลม ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางสักนิวครึ่ง ใช้แทนลูกสะบ้าก็ได้ แบ่งกันเป้นสองทีม 5-6 คนกำลังดี จับไม้สั้นยาว ฝ่ายไหนเล่นก่อน ฝ่ายรับ เอาลูกสะบ้า ไปตั้งห่างซัก 3 เมตร หันหน้ามาทางที่ผู้เล่นยืน และเริ่มทอยสะบ้า  จะยืนตรงสะบ้าคู่แข่ง นิยมงอเขาตั้งฉาก วางสะบ้าบนเขา นิ้วชี้สองนิ้งกดกันแน่น แล้วดีดลูกสบ้าให้ร่อนไป ทางลูกที่เขาตั้งไว้ หยุดตรงไหน ยิ่งต่อจากตรงนั้น
--------------











..........4.การเล่นหมากบ้า หมากมะค่า หมากมะค่าแต้  เป็นการเล่นของเด็ก ๆสมัยโบราณที่บ้านใกล้ป่า มีเมล็ดไม้ป่าประเภท ลูกสะบ้า มะค่าโมง มะค่าแต้ แล้วแต่จะหาได้ ชอบเก็บใส่ถุงผ้า เอามาสะสมที่บ้าน เลิกเรียน เพื่อนๆขาเล่นจะนัดกันที่ลานวัด พกไปเต็มถุง วิธีเล่นจะกำหนดเล่นตาละกี่ลูก ถ้ามี 3-5 คน ตาละ 5 ลูกกำลังดี 25 เม็ด กวาดพื้นโล่ง ๆ จับมาเรียงแถวระยะห่าเท่าขนาดเม็ด เช่น ตั้งติดกัน5เม็ด หยิบเม็ดที่ 2 และ 4 ออก จะเห็น 3 เม็ดวางแบบเว้นช่องว่าง วางแบบนั้นแหละ แถวยาวเชียว จะเรียกกุ้มก็ได้ ผู้เล่นแต่ละคนจะมีลูกโยนที่เลือกมาไว้เรียก อีเคย คุ้นนิ้วดีเวลาใช้จะคีบด้วยนิ้วชี้ บิดแล้วปล่อยให้หมุนกับที่ดู ถ้าเห็นว่ามันหมุนแรงอยู่นานก็เลือกไว้ใช้เป็นอีเคย  วิธีเล่นเราจะยืนห่างแถวหน้ากระดานเม็ดมะค่าสัก 4-5เมตร ใช้ลูกอีเคยหมุนโยนไปให้ถูกแถว ถ้าถูกมันจะดีดล้มลง ล้มกี่ลูกก็เก็บเอาออกไป ที่ยังไม่ล้มก็ให้คนอื่นโยนต่อ อีเคยรอบแรก จะกระเด็นเลยแถวไป หยุดตรงไหน วางไว้ก่อน ให้ทุกคนโยนครบแล้ว ลูกมะค่ายังไม่หมด ก็เล่นครั้งที่ 2 คนอยู่ห่างสุดยิงก่อน หมุนโยนให้ถูกล้มกี่ลูกก็รับไป ถ้าหมดก็จบรอบที่ 1 ต่อไปรอบที่สอง เอาใหม่ ตานี้จะลงเท่าเดิม เพิ่มหรือลด ตามจะตกลง ส่วนมากเพิ่ม มีเพื่อนมาขอเล่นด้วย ก็อาจมีสมาชิกเพิ่มได้ ผมมีเม็ดอีเคยมะค่าแต้ มะค่า โมง สวย ๆคัดไว้อย่างละ 3-5 ลูก หัดหมุนและโยนจนชำนาญ แม่นด้วย แตกกระจุยดีมาก ถ้านึกภาพไม่ออก ดูโบวลิ่งนั่นแหละ แต่พวกเราเล่นเป็นแถวหน้ากระดาน สนุกมากนากลับบ้านบางวันได้กำไรทบสองเท่าทีเดียวแหละ

 ………5. หมากเสือกินหมู เป็นเกมหมากกระดาน ใช้แผ่นกระดาน ตีตาราง เกิดตาหรือช่องใช้เป็นที่วางหรือเดินหมาก เกมประเภทนี้เช่น หมากแยกหรือหมากหาบ หมากฮอร์ส หมากรุกหมากเสือกินหมูนิยมเล่นงานงันศพไทยอีสาน เวลามีคนตาย ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านจะไปช่วยเฝ้าศพเวลากลางคืน เรียกว่า "ไปงันศพ" หนุ่มสาวชอบมากเพราะได้เจอกัน สนทนากัน มีเกมให้เล่น กระด้งถูกนำมาวาดตารางใช้เป็นกระดานเล่นเกม หมากใช้ก้อนหิน ลูกไม้เล็ก ๆ เช่นหมากบกผ่าซีก ยังกะฝาขวดเลยแหละ เสือกินหมูนี่วาดตารางแบบสี่คูณสี รวม 16 ตา ใช้หมาก16 หมาก เป็นเสือ 4 เป็นหมู 12 กติกาการเล่น
.........(1)เสือลงก่อนประจำสี่มุม เดินได้ทุกทิศทีละตา เจอหมูเดินข้ามได้ถ้ามีช่องว่าถัดหมากหมูไป ข้ามได้เรียกกินหมู หมูตายเก็บออก กินหมูหมดกระดานถึงชนะ กินหมูโดยโดดข้ามทางตรง หน้า หลังซ้ายหรือขวา ก็ได้ แต่ไม่ให้เฉียง
..........(2) หมากหมูวางทีหลัง ปกติวางทีละหมาก ดูเองวางตรงไหนจะปิดช่องว่างทัน วางจนหมดค่อยเดินได้ทีละตา กักเสือได้ตัวเดียวก็ชนะ

........6. หมากหาบ  เกมหมากกระดานเหมือนกัน นิยมเล่นงานศพเหมือนเสือกินหมูนั่นแหละตารางเล่นใช้แบบ 5 X 5 เลยมี 25 ตา  มีหมากฝ่ายละ 10 ใช้ฝาน้ำอัดลมก็ได้ ก่อนใช้หมากบกผ่าซีก คว่ำ หงาย กติกาการเล่น เริ่มวางหมากแถวแรกขอบกระทานคนละด้าน เวลากินหมากฝ่ายตรงข้าม กินเฉียง ตัวถูกกินเก็บออก และกินด้วยวิธีเข้าหาบ เดินตรงช่องว่างหมากฝ่ายตรงข้ามสองตัวหนีบอยู่ โดนหาบตายทั้งคู่กินฝ่ายตรงข้ามหมดก็ชนะ  ต่อมามีกติกาการเล่นกินรวมมาเป็นพวก ใช้หมากเท่ากัน แต่เวลากิน หมากที่ถูกกินจะเปลี่ยนข้างเป้นฝ่ายเดียวกับผู้กิน เช่นหมากคว่ำ เดินกินหมากงาย กินเสร็จก็คว่ำหมากหงายที่กินกลายเป็นฝ่ายตนเอง แบบนี้ก็สนุก โดยเฉพาะตอนหาบ ได้สองหมากติด เรา เป็นพวก พลิกเสร็จกลายเป้นเข้าหาบอีก ได้แถมอีก 2เป็นต้น เมื่อไล่จับมาเป็นพวกหมดได้ก็ชนะ

 ………7. หมากฮอร์ส เกมหมากกระดานเช่นกัน ใช้กระดานแบบ 8 X 8 แต้มสีตางรางสลับสองสี เช่น ขาว-ดำ เวลาเล่นกำหนดกันเองจะใช้ตารางสีใด เริ่มด้วยหมากฝ่ายละแปด วางได้2 แถว นิยมฝาเครื่องดื่ม คว่ำ 8 เม็ด หงายแปดเม็ด การเดินปกติเดินเฉียงทีละตา ซ้าย ขวาได้จนกว่าจะเดินไปถึงแถวสุดท้ายที่รังฝ่ายตรงข้าม เรียกเข้าฮอร์ส หาเบี้ยมาวางซ้อนสองเบี้ย ช่วยแสดงให้รู้ว่าเป็นฮอร์สแล้ว 
.........การกินใช้วิธีเดินข้ามหมากฝ่ายตรงข้ามทีละสองตาถ้าชนฝ่ายตรงข้ามและม่องว่างอีกก็โดมข้ามสองตา เรียกว่ากินสอง  ถ้าเป็นตัวฮอร์ส โหดหน่อย เพราะกินได้ตลอดแถว หมากที่ถูกกินเรียกว่าตาย จะเก็บออก กินฝ่ายตรงข้ามได้หมดก็ชนะ หมากฮอร์มีรูปแบบการเล่นพลิกแพลงไม่มากมาย คนที่มีสูตรการเล่นดี ๆ เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ง่ายดาย

........8. หมากรุกไทย เกมหมากกระดาน ใช้ตาราง 8 X 8 ไม่ต้องระบายสี ขีดเส้นให้เห็นต่าง ๆ เช่น ทั้งสองฝ่ายมีตัวเล่นเท่าๆกัน ชื่อเหมือนกัน คนละสีเท่านั้นเช่น
........ขุน แม่ทัพใหญ่ เดินได้รอบตัว ระวังตาที่ฝ่ายตรงข้ามจะกิน เขาเรียกถูกรุก หลบได้รอดไป ถ้าไม่มีที่หลบเรียกรุกฆาต แพ้ แพ้ชนะกันที่ขุน จนมุมหลบไม่ได้
........โคน มีสองตัวที่วางชิดขุนนั่นแหละมีสองต้วซ้ายและขวา เดินเฉียง กินเฉียงได้สุดแถวถ้ามีช่องว่าง กินฝ่ายตรงข้ามต้องหยุดตาที่ข้าม ดังนั้นต้องระวังให้ดีอาจโดนเรือ ม้า ฝ่ายตรงข้ามกินได้
........ม้า มีสองตัว วางติดโคน เดินโยกเยกแบบม้าเดิน ไปได้สี่ทิศ แต่สังเกตได้ง่ายคือ จะโดดนับตรงไปแถวที่ 3 แล้ววางโดยเบี่ยงซ้ายหรือขวา 1 ตา เสมอ ถ้ามีฝ่ายตรงข้ามอยู่ตาที่จะวางม้าก็กินได้ ม้าอันตรายพอสมควร เพราะกินได้รอบตัว
........เรือ ก็มี 2 ตัว วางสุดขอบแถว เดินเส้นตรงรอบตัว ฝ่ายตรงข้ามขวางก็กินได้ทันที
........เบี้ย หมากศักดิ์น้อกว่าเพื่อนฝ่ายละ 8 วางแถวที่ 3 จากขอบ เดินตรง กินเฉียง เข้าฮอร์สได้กลายเป็น โคน เดินแบบโคนได้
.........การเล่นมุ่งเดินไปข้างหน้า พยายามกินตัวกำลังพลฝ่ายตรงข้าม เพื่อริดรอนการป้องกันขุนจนอ่อนแอ ค่อยระดมกำลังเข้ารุกให้ขุนฝ่ายตรงข้ามจนมุม ถือว่าแพ้ชนะกันตรงที่ขุนจนมุม

………8..ม้าก้านกล้วย ผู้ใหญ่ตัดก้านกล้วย ริดเอาใบตองออก เหลือไว้ปลายก้าน ทำเป็นหางม้า ส่วนหัวม้า ปาดด้านโคน ห่างเข้ามาสักเท่าฝ่ามือ ไว้เป็นหน้ามา วัดเข้ามาอีกสักฝ่ามือเช่นกันปาดสองแก้มก้านกล้วย ลึกสัก 2-3 ม.ม. กว้า 1 นิ้วจะทำใบหู ปากลากลงไป 1 ฝ่ามือทั้งสองข้าง หักตรงที่จะทำเป้นหน้าม้า สองหูก็จะชี้ชันขึ้น หาขนาดไม้เสียบลูกชิ้น เสียบหน้าม้า คอม้าให้ติดแน่น รัดด้วยเชื่อกอีทีก็เรียบร้อย เป้นม้าก้านกล้วยแล้ว หาเลือกยาว ๆ มาผู้กจากคอม้าไปหาหางมา เวลาขี่จะใช้พาดบ่า ไม่ตัองกลัวตกม้า แค่นี้เสร็จแล้วทดลองขับขี่ได้ จ้อกกี้ตัวเล็ก ๆ ชอบทดสอบให้ ทำหลาย ๆ ตัวจะไว้มีขบวนม้าก้านกล้วยเดินตามถนนที่ไม่มีรถวิ่ง อย่าปล่อยไปเกะกะจราจรเขา ค่าซ่อมรถแพง

..........9..ว่าว เล่นว่าว ชักว่าว  อันเดียวกันนั่นแหละ คนสมัยก่อนเข้าพูดกันไม่หยาบคาย แต่คนรุ่นใหม่ไม่กล้าพูด เป็นการทำว่าวมาปล่อยให้มันต้านลม มีสายดึงไว้ ทำให้มันพุ่งไปด้านบนเคยเล่นมาตั้งแต่แบบง่าย ๆ จนถึงว่าใหญ่ ๆ ว่าวง่าย ๆ ทำด้วยใบไม้แห้ง เช่น ใบตองจาน (ทองกวาว) ใบยางนา แสะแบง ขนาดไม่ใหญ่เกิน เลือกใบที่ไม่เป็นรู เหลาไม้ไผ่เล็ก ๆขนาดไม้จิ้มฟันเสียงตรงกลางตามแนวเส้นใบ ห่างจากขอบบนประมาณหนึ่งในสี่เสียบตัดขวางคล้ายไม้กางเขน เชื่อกด้ายดิบเจาะผูกรอยตัดกันของไม้และผูกด้านล่างที่จุดห่าบปลายใบเท่า ๆกับส่วนหัว จากนั้นทบตรงกลางเชือกผู้ปมใช้เป็นเครา หรือซุง ต่อกับเชื่อกที่จะใช้ชักว่าว การมัดผมเครา กะให้เอียง25-45 องศา จะช่วยให้ว่าวต้านลมและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
...........ว่าวโกบ ใช้กระดาษจากสมุดทั้งแผ่น หรือกระดาษ A 4  พับด้านยาว แบ่งกระดาษเป็นสามส่วน จับตั้งขึ้นดู แบ่งความสูงเป้น 5 ส่วน 2สวนจะเป็นส่วนหัวว่าว อีกสามส่วนจะเป็นส่วนหางรอยต่อส่วนสองกับสาม เจากผู้สายเคราหรือสายซุ่ง ขมวดปมตรงกลางต่อเชื่อกชักว่าว เชือกด้ายที่ใช้ ด้ายเย็บผ้าเหนียว ๆ กำลังดี
.............ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา เหลาไม้ไผ่ทำโครง 2 ชิ้น ไม้มัดขวางเป็นรูปกากบาท เชือกร้อยมัดปลายไม้ทั้งสี่ได้รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า หรืออาจบีบ ๆ ด้านข้าง เพื่อให้ตัวว่าวมีส่วนสูง จะเป็นว่าวปักเป้า ว่าวจุฬาจะเลื่อนรอยต่อไปทางส่วนหัว มัดแน่นแล้วจะคล้ายไม้กางเขน ใช้เชือกร้อยรัดปลายโครงทำเป็นส่วนหัวที่เห็นแหลม ๆ ผูกปลายไม้ซ้ายขวา ดึงลงมาด้านล่าง มัดให้แน่น จะใช้เป็นส่วนหางว่าว ทำโคลงเสร็จก็ติดกระดาษ ผู้กสายซุงหรือเคราะ ก่อนนำไปต่อสายชักว่าวว่าวสวย ๆที่วางขายข้างขนน พัฒนาไปจากสอนชนิดนี้เอง เติมสีสัน ดัดแปลงรูปทรงตามพอใจเลยมีว่าวหลากหลายชื่อ
.............ว่าวใหญ่  โครงทำด้วยไม้ไผ่ เหลาทรงสี่เหลี่ยม ลนไฟดัดัให้ตรง ยามตามต้องการนิยมสูงท่วมหัว ก็ประมาณสองเมตร ไม้ไผ่เหลากลม ๆ ปลายเรียวสองข้าง สองชี้นสำหรับทำเป้นตัวว่าว อ้อยาวพอ ๆ กับแกนว่าวที่ยาวสองเมตรนั่นแหละ หรือจะลดลงซัก5-10 เซ็นต์ แล้ว ลนไฟตากให้แห้ง เหลาอีก 2 ชิ้น สำหรับทำลูกว่าว ยาวสัก 30-40 เซ็นต์  อีกท่อนไม้ปิดท้ายเหล่มกลม ๆ ยาวสักคืบหรือ25 เซ็นต์ ไม้ครบแล้ว ก็นำมาประกอบ  แบ่งความยาวแกนออกเป็น5 ส่วน ส่วนตัวว่าวจะอยู่ส่วนที่ 3-4-5 1-2 จะเป็นส่วนหาง  โครงตัวว่าวจะมัดติดไว้ส่วนตัว เหลือปลายไว้สัก 10-15 ซ.ม. เรียกหัวว่าว  สำหรับมัดคันธนู ถัดจากนั้นก็มัดโครงตัวว่าวไม้สองชิ้นอยู่ในพื้นที่ 3-4-5 ถ้ากว้างเกินก็ลดลงเท่ากับส่วนหัว ปลายสองข้างมัดติดกันไว้
..............ลูกว่าว มัดไว้ตรงส่วนที่สองปลายสองข้างมัดติดกัน รูปร่างคล้ายตัวว่าแต่ขนาดเล็กเลยเรียกลูกว่าว
..............ต่ำลงไปเรียกหางว่า มีไม้มัดติตที่ปลายไม้แกน มัดร้อยเชือกจากปลายสองข้าง ไปผูกติดลูกว่าว กลายเป้นแพนหางว่าว ลูกว่าว และตัวว่าว ชั่งน้ำหนักว่าวไม่เอียง ก็ใช้ได้ รอติดกระดาษ ใช้กระดาษถุงปูนซีเมนต์ถึงจะทนทานดี ว่าวที่ได้หนักเอาการ ต่อไปก็เตรียมหางใช้สองเส้นนิยมขอผ้าจีวรเก่า ๆ ของหลวงพ่อมาฉีกเป้นริ้ว ๆ ต่อกันยาว5-10 เมตร ผู้มัดท้ายว่าว เหลือซ่นเชือกไว้ให้ผูกหางอยู่ตรงนั้น
.............เตรียมธนู คันธนูเหลาด้วยไม้ไผ่รูปร่างเหมือนจะทำธนูยิงนกยิงกบนั่นแหละ ยาวให้เกินกว่าปีว่างไปนิดหน่อยซัก 5 เซ็นต์ หรือจะสั้นกว่าก็ได้ แข็งแรง เบา ว่างจะได้แบกบินง่ายเคราธนู นิยมใช้เส้นไหม ใช้มัดปลายคันธนูแล้วต่อกับใบธนู แค่นี้ก็จะดูเป็นธนูจริง ๆ แต่ใช้ยิงไม่ได้ ใบธนูนิยมใช้ใบตาลแห้ง ๆ หวายเหลาเป้นผ่นบาง ๆ แล้วแต่ฝีมือ รอยต่อระหว่าเส้นไหมกับใบธนูหาขึ้ผึ่ง ขี้สูด มาหุ้มไว้ เชื่อกมัดตรงกลางแล้วทดลองแกว่งดู ใบธนูต้านลมจะหมุนเกิดเสียงดัง เพราะไม่เพราะ แต่งเอาเอง ธนูที่ได้จะเอาไปมัดติดส่วนหัวของว่าว
............ชักว่าว เชือกเส้นใหญ่ ยาวมาก มีคนช่วยปล่อย ตรวจธนูแน่นเรียบร้อย มัดหางติดทั้งสองหาง คลี่ออกให้สุด รอลมพัดหน่อย ๆ ก็ปล่อยว่ากัน ให้เสียงหน่อย คนชักก็ออกวิ่งว่างก็ทะยานสู่อวกาศ พร้อมเสียงธนูดังเพราะมาก ถ้าลมบนพัดดี วิ่งไม่กี่สิบเมตรก็ติดลมบนปล่อยเชือกแล้วตรึงเป็นระยะ ๆ จนได้ความสูงที่พอใจก็หยุด หาที่ผูกว่าว นิยมผูกเสากระท่อมนา หรือต้นไม้ใกล้ ๆ ซุ้มที่นอนเฝ้าลอมข้าวนั่นแหละ วาวจับินและส่งเสียงธนูได้ตลอดคืนถ้าลมดี หมอกไม่จัด ลมหยุดว่าวก็หยุดเช่นกัน หมอกจัดกระดาษเปียกว่าวก็หนักไม่อยากบิน ลงมาจอดอยู่ข้างล่าง  ถ้าว่าวบินอยู่เสียงธนูจะกล่อมคนนอนอยู่ที่ซุ้มเพราะมากจริง ๆ

 ………10..หมากเก็บ เกมยอดฮิตของพวกสาว ๆตอนเป็นเด็กหญิง ขนาดอยู่มัธยมยังเล่นกันอยู่อุปกรร์การเล่นใช้ก้อนหินเล็ก เปลือกหอยน้ำจืดสวย ๆ ไม่รู้ชื่อหอยอะไร คล้ายหอมจูบ แต่สีสวยขาว ๆ ชมพู เขาสะสมไว้เล่นหมากเก็บกัน วิธีเล่นจะเล่นคนเดียวก็ได้ แต่เล่นกับเพื่อนสนุกกว่า2-5 คน กำลังดี กติกาการเล่น สมมติเล่นกัน 3 คน
........หมากเก็บ 5 ลูก เล่น 2-3คนกำลังสนุกดีไม่ต้องรอนาน ใครจะเล่นก่อน เป่ายิงฉุบก็ได้ จับไม้สั้น-ยาว ใช้หมากเก้บ โยนขึ้นร้าน ก็ได้ โดยกำหมากทั้งหมด โยนขึ้น รับสองจังหวะ แรกใช้หลังมือรับ และกระดกพลิกรับด้วยฝ่ามือ รับเหลือเท่าไรได้เท่านั้นแต้ม ใครทำได้มากที่สุดเล่นก่อน
........กติกา โปรยลูกทั้งหมดลงพื้น เลือก 1 ลูกเป็นหมากนำสำหรับใช้โยน ขณะลูกลอยอยู่ก็รีบเก็บลูกบนพื้น ตามกำหนด แล้วรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับพลาด ลูกตกดินก็ตายให้คนอื่นเล่น การเล่นจะมีตา 1 2 3 4 คือก็บครั้งละ 1  2  3 และ4 ลูก ตาที่ 1 เก็บ 4 ครั้งครบตาที่ 2 เก็ 2 ครั้ง ครบ ตาที่ 3 เก้บ 3 และ 1 ลูกเป็นเก็บ 2 ครั้ง ตาที่ 4 นิยมวางโปะแล้วค่อยเก็บกำ 4 ลูกในมือ โยนลูกนำขึ้น โปะสี่ลูกลงพื้นก่อน ค่อยรวมเก็บก่อนลูกนำหล่นลงมารีบรับให้ทัน
......เก็บไม่ได้ ตาย ลูกนำหล่นรับพลาดตกพื้น ตาย ต้องผ่านทุกคนค่อยไปเล่นตาที่ 2 คนที่ไม่ผ่านปรับให้เล่นใหม่

 ………11..เป่ากบ กบที่เป่าต้องเบา ๆ เป่าถึงจะกระเด็นกระดอนได้ ก็อ๊บ ๆ เป่ายังไงมันก็ไม่เคลื่อนที่หรอก ที่เขาเล่นกันเป้นยางงรัดของ เป่าให้มันกระโดไปซ้อนทับยางที่อยู่ในกอง เรียกว่ามันกบ ยางกองกลาง กบได้เท่าไรก็หยิบเอาเท่านั้น นิยมเลาน 2-3 คน กำลังดี ตกลงกันก่อนลงตาละกี่เส้น 10 ก็จะมีกองกลาง 30 เส้น โยนให้มันกองแตกกระจายหน่อย ๆ ขีเส้นล้อมวงไว้ให้วางยาวที่จะเป้าตรงเส้น แล้วเป่าให้มันกระเด็นไปกบยางในกอง กบกี่เส้นก็หยีบไป คนต่อไปเป่ามั่ง จนกว่ายางหมดกอง วิธีนี้ก็สนุกระดับหนึ่ง แต่ที่มันมากคือแบบตัวต่อตัว ยางคนละเส้นเป่าคนละครั้งแล้วเปลี่ยน สุดท้ายยางใครกบบนชนะ หยิบของคู่ต่อสู้ไป แบบนี้ตาละเส้นสนุกดี

 ………12..กระโดดเชือก เป็นการกระโดดเข้าจังหวะ มีเชือกแกว่งประกอบการเต้น คนเดียวสองมือจับปลายเชือ แกว่งให้เชือกลอดขาไปตอนกระโดด ก็สนุกอยู่คนเดียว ถ้าเล่นเป้นหมู่ก็สนุกหลายคน ใช้เชือกยาว ๆ สองคนจับคนละซ่น แกว่งให้เชื่อหมุนกระทบพื้น คนเล่นต้องกระโดหลบ ใครโดดไม่พ้น โดนเชือกก็ไปแกว่งแทนเขา แบบนี้เล่นได้ 2-6 คน ก็สนุกดี หน้าสงกรานต์สาวหนุ่มเล่นกันมันมาก มันแอบจับมือกันกระโดด อวดเพื่อน


………13..ซ่อนหาหรือโป้งแปะ อีสานเรียกหมากลี้ หาบริวเณที่มีที่ให้หลบซ่อนได้ เช่นป่าะเมาะ กองวัสดุ บ้านเรือน ต้นไม้ นิยมเล่นกันไม่เกิน 10 คน คนหนึ่งหา ที่เหลือไปหลบซ่อนมายืนชุมนุมตกลงกันเลือกคนหาได้ด้วยจับไม้สั้นยาวก็ได้ คนหามีหน้าที่ตามดูใครซ่อนที่ไหนได้คนหาแล้วให้หันหน้าเข้าหาผนังหรือต้นไม้ ให้สัญญานหลบ แยกย้ายกันไป พร้อมแล้วร้องบอกกู๊ก แสดงว่าเขาซ่อนกันแล้วออกตามหาได้ ระหว่างซ่อนถ้ากลัวเขาเจอจะเคลื่อนย้ายก็ได้ แต่ถ้าเขาเห็นเขาจะร้องทัก โป้ง+ชื่อ ตาย หยุดเล่น เขาจะตามโป้งคนเล่นจนครบทุกคน ก็ชนะ เเล่นตาใหม่ เออ ตอนแป๊ะล่ะ ก็ตอนที่คนซอนเขาเห็นคนหาก่อนนั่นแหละ ย่องมาแตะตัวร้องทักว่าแป๊ะ+ชื่อคนหา  คนหาก็แพ้เกมต้องเล่นเป็นคนหาต่อ 


 ………14..ตี่จับ แบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่าย ขีดเสนแบ่งกลาง  ขีดเส้นแสดงจุดยืนของฝ่าย การเล่นตัวแทนฝ่ายเล่น จะวิ่งไปแตะตัวฝ่ายตรงข้าม ซึ่งต้องวิ่งและส่งเสียงอี่ข้ามเส้นกลางไป พยายามแตะตัวฝ่ายตรงข้าม และวิ่งกลับก่อนเสียงอี่จะหมดลง ผลการเล่น ใครถูกแตะตัว และคนเล่นวิ่งกลับฝ่ายได้ คนที่ถูกแตะถือว่าตาย คนเล่นแตะเขา ก็มีสิทธิ์ถูกจับไม่ให้วิ่งกลับจนเสียงอี่ขาดลงกลับไม่ทัน ถือว่าตาย หมดสิทธิ์เล่นเช่นกัน จะผลัดกันเล่นทีละคน ขะมีคนตายทีละคนไปเรื่อยฝ่าไหนโดนเล่นตายหมดก่อน ถือเป็นฝ่ายชนะ

 ………15..มอญซ่อนผ้า กลุ่มละ 6-8 คน ผ้าผืนเดียวก็เล่นกันได้ วิธีเล่นจะนั่งล้อมวงกลม หัน
หน้าเข้าหากัน คนเล่นจะถือผ้าเดินไปรอบวง และแอบซ่อนผ้าไว้ข้างหลังคนใดคนหนึ่ง คนนั่ง
ห้ามมองคนซ่อนผ้า ห้ามบอกกัน ซ่อนผ้าเสร็จ คนถูกซ่อนยังไม่รู้ตัว จนคนซ่อนเดินมาครบรอบ
จะจับผ้าฟาดหลังให้ ต้องลุกออกมาเป็นคนซ่อนผ้าแทน คนซ่อนเดิมก็ลงนั่นแทนที่ กรณีที่รู้สึก
ตัวว่ามีผ้าซ่อนอยู่หลัง คลำพบ ต้องรีบลุกหยิบผ้าไล่ฟาดคนซ่อน ฟาดทันให้เขาเล่นต่อ ตัวกลับ
มานั่งที่เดิม ฟาดไม่ทันเขานั่งก่อน ก็เล่นเป็นคนซ่อนแทนเขาไป อ้อการเล่นแบบนี้มีเพลงให้ร้อง
ขณะเพื่อนเดินซ่อนผ้าด้วย (คำร้อง มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตา อยู่ข้างหลัง  วางนู้นวางนั่น ฉันจะวางแล้วนะระวังอย่างเผลอ แล้วเธอจะถูกตี...) พลงจบก็วางแล้ว ระวังเอง ถ้าเขาวิงมาถึงยังไม่รู้ก็โดนตี ลุกวิ่งหนีไปรอบวง ถ้าเขาตีถูก ก็ต้องเล่นเป้นคนซ่อนแทน


 ………16..งูกินหาง  มีพ่องูคนหนึ่ง แม่งูและลูกเกาะเอวกัน 5-10 คน พ่องูมีหน้าที่หลอกล่อจับลูกงูคนท้ายแถว จับได้ก็ กักตัวไว้ กว่าจะจับได้หมด ก็จบเกม เล่นกันใหม่ แม่งูก็เปลี่ยนมาเป้นพ่องูบ้าง ให้พ่องูเป้นแม่งู มีเพลงร้องขณะไล่จับลูกงู ความว่า 
.........แม่งูเอ๋ย กินน้ำบ่อไหน.........กินน้ำบ่อ โศก  บ่อดิน บ่อแตน บ่อหิน บ่อทราย ฯลฯ ตามด้วยสร้อยคล้องจองชื่อบ่อ เช่นโยกไปโยกมา บินไปบินมา แล่นไปแล่นมา ย้ายไปย้ายมา วินไปวินมาตอบ2-3 บ่อ พ่องูก็จะตัดบท กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว แล้วไล่จับทีหนึ่ง
……...17..ชักเย่อ แข่งแสดงพลัง โดยแบ่งสองข้างเท่า ๆกันข้างละ 5-10 คน เชือกคร่าวเส้นโต ๆยาวสัก 5-20 เมตรกาวเทปสีแดงพันรอบตรงกลาง ใช้เป็นจุดเริ่มต้น ก่างจุดกลางไป 3 เมตร พัดรอบด้วยเทปสีหลือง เทปจะตรงเส้นชัย หากลากจุดกลางมาได้ 3 เมตร ดังนั้นห่างจากจุดกลางไป3 เมตรจะเป็นเส้นชัย ขีดไว้ทั้งสองข้าง ห่างจุดกลางไป 3+3 เมตร คือจุดเส้นชัย ห้ามใครจับเชือก ถัดจากนั้นไปตามสบายจับได้ กรรมการจะเหยียงจุพันเทปสีแดงไว้เส้นกลางการแข่ง เทปสีเหลือจะพาดตรงเส้นชัยทั้งสองฝั่ง สมาชิกสองฝ่ายประจำจักเชือกรอกรรมการสั่ง เตรียมพร้อม 3 2 1 ดึง......ออกกำลังดึงกันให้เต็มที่ ไม่นานก็จะมีคนหกล้ม เสียพลังไป ถูกลากไป บางทีถึงกับแพ้ แต่บางทีก็ตั้งหลักได้ เอาคืนดึงกันไปดึงกันมาสนุกคนดู แพ้แล้วจัดทีมใหม่ ขอแก้ตัว เล่นจนกว่าจะเบื่อ แต่ตอนเล่นสงกรานต์พวกหนุ่มสาวเล่นกันได้ทั้งวัน 

……...18..ดีดเม็ดมะขามลงหลุม  เม็ดมะขามที่แกะเอาเนื้อไปแล้ว ไม่ทิ้งเด็กสะสมไว้เล่นเกมทอยลงหลุม ได้มาก ๆ วันหนึ่งก็ได้โอกาสคั่วเม็ดมะขามกินเล่นกัน มัน หอม แม้จะแข็งก็พยายามขบเคี้ยวกินเล่น ติดกันทุกเพศทุกวัย  การเล่มเกมดีดเม็ดมะขามลงหลุม ก็เลยสนุก เพราะต่างก็อยากสะสมไว้ให้มาก ๆ ก่อนจะเอาไปคั่วกินเล่น  เล่นกัน 3-5 คน แต่ละคนมีเม็ดมะขาม 10-30 เม็ดตามแต่จะตกลงกันใส่เม็ดมะขามกองกลางคนละ 10 15 20 ตามตกลง ใส่กะลามะพร้าวไว้ นั่งล้อมวงหันหน้าเข้าหากันกลางวงขุดหลุมเล็ก ๆ สำหรับดีดให้เม็ดมะขางลงไป ขีดเส้นวงกลมล้อมรอบหลุม เป็นจุดวางเม็ดที่จะดีด จากนอกขีดวงกลมไปยังหลุม จับไม้สั้นยาว ได้ลำดับคนเล่น ล้วงเม็ดมะขามจากกองกลางมาดีดทีละเม็ด ดีลงไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพลาดไม่ลง ค่อยนับดูดีดลงกี่เม็ด ก็เก็บเอาไปเท่านั้น คนต่อไปก็เล่นต่อ หมดกองกลาง ก็เอามาลงกันใหม่ เล่นต่อจนหมดหน้าตักก็ออกไป คนใหม่มาขอเล่นแทนก็ได้ถ้ามีเม็ดมะขามมาลงกองกลาง เห็นเล่นกันไม่รู้จักเบื่อ ลืมทานข้าวเที่ยงก็มี
……...19..ลูกข่าง เป็นของเล่นเด็ก ๆ ที่พ่อแม่ทำให้ หรือทำเอง ใช้ไม้เนื้ออ่อน ปาดกลึงง่ายให้เป็นรูปทรงกลมเหมือนจานใบเล็ก ๆคว่ำปิดขอบกัน ด้านล่างทำเป็นฐาน มีจุดปลายแหลมใช้จับหมุนรอบตัวด้านบนทำเป้นที่พันเชือกเหวี่ยงแล้วกระตุกให้ลูกข่างหมุนบนพื้น ลูกข่างที่ปาดกลึงได้ดีจะหมุ่นได้นานแพ้ชนะกันตรงที่การหมุนได้นานกว่ากัน  ต่อมามีการท้าชนด้วยการเหวี่ยงให้โดนเป้าหมายบ้าง เหวี่ยงให้ชนกันบ้าง ของใครโดนชนล้มลงก็แพ้ เป็นต้น แล้วแต่จะกำหนดกติกาเล่นกัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น