วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ร่วมพิธีแสดงความอาลัย






………….25 ตุลาคม 2559 ขับรถพายายไปธุระ ผ่านหน้าวัดโสธรวรารามวรวิหาร เห็นป้ายเชิญชวน
ร่วมพิธีจุดเทียน แสดงความอาลัยและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อน้อมเกล้าถวายในหลวง
รัชกาลที่ 9 พระองค์จากไปเป็นเวลา 14 วันพอดี (13 - 26) ยายเขาเห็นภาพข่าวจัดอยู่ที่ กทม.
สนามหลวง ชอบมาก เมื่อฉะเชิงเทราจัดใกล้บ้านไม่ถึงกิโลเมตรเอง เลยอยากไปร่วมกิจกรรมด้วย
ตกลงลองไปดู
...........คนไปนมัสการหลวงพ่อโสธรแต่ละวันเรือนหมื่น น่ากลัวจะไม่มีที่จอดรถ แต่วัดเขาปิด
ก่อนห้าโมงเย็น เลยไม่มีผลอะไรมาก คนต่างจังหวัดก็กลับไป มีน้อยมากจะอยู่ร่วม เราเอารถไป
ส่งยายแล้วจะเอาไปจอดบ้านเลขที่ 6 บ้านอินทราสา ห่างจากวัด 150 เมตร แต่หมาบ้านนี้ค่อนข้าง

ดุ เห่าไม่หยุด เลยถอยไปจอดริมถนน เดินไปไม่ถึง 200 เมตรก็ถึงวัดโสธร ฯ อ้อบ้านเลขที่ 6 คือ
บ้านพักพระอินทราสา อดีตเจ้าเมืองฉะเชิงเทรา ครอบครัวยายอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ ยายก็เกิดที่นี่
เพิ่งออกไปอยู่บ้านปัจจุบันได้สิบกว่าปีนี่เอง
...........ไปกันสามคนครับ ผม ยายแล้วก็เด็กชายกำปั้น เดินอ้อมไปตามถนนศรีโสธรตัดใหม่ ผ่าน
หน้าอนุสาวรีย์พระยาศรีสุนทรโวหาร อ่านประวัติแล้วก็เครือญาติพระอินทราสา เป็นนักปราชญ์ที่
รับราชการในวังจนได้รับยศระดับพระยา พวกครูภาษาไทยอ่านตำราที่ท่านแต่ง คงจำได้เป็นคน
รุ่นหลังพระศรีสุนทรโวหาร(ภู่) คนละคนกัน กลางถนนเป็นวงเหลี่ยม ไม่ใช่วงเวียน เดิมเป็นสาม
แยก พอทำเกาะกลางถนนเลยเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ต่อมาเพี่มทางอีกแยก แต่เกาะยังรูปทรงเดิม
เขาปิดกั้นถนนตรงนี้ห้ามรถผ่าน เลยเดินสะดวก เด็กนักเรียนนักศึกษามากันเยอะ มาแบบมากันเอง
ไม่มีผู้คุมสงสัยไม่ต้องขอคะแนน เต็มใจมากันน่ะครับ แต่งชุดคล้ายกันก็จริง แต่คนละโรงเรียน
นักศึกษาก็มีทั้งราชภัฎ เทคนิค อาชีวะ พยาบาล แหงนดูฟ้าเวลาห้าโมงเย็น เมฆคลุมไปหมด
ไม่มีแสดงแดดเลย น่ากลัวฝนเหมือนกัน เด็กชายปั่นถามว่า ตาทำไมพวกนักเรียนไม่ใส่ชุดดำ
ก็ขำ ๆนะ เพราะยายกำกับให้เขาเปลี่ยนชุดดำมาร่วมงาน บอกว่าทุกคนที่ไปงานใส่ชุดดำหมด
ยายก็อึกอักตอบไม่ได้ ก็เลยช่วยตอบว่า คนที่มีเครื่องแบบ ใส่เครื่องแบบดีกว่าชุดไว้ทุกข์ โน่น
ดูทหาร ตำรวจ พยาบาล เขาใส่ชุดของเขา เพียงติดแถบสีดำหรือติดริบบิ้นสีดำ พอแล้ว พี่นักเรียน
เขาติดริบบิ้นสีดำทุกคน นั่นแหละเขาไว้ทุกข์แล้ว
...........เข้าประตูวัดมีลอดซุ้มตรวจหาวัตถุต้องห้าม มีเจ้าหน้าที่ห้าหกคน แต่ก็ไม่เห็นพบอะไร
ผ่านเข้าไปลานข้างพระอุโบสถหลังงามนั่นแหละ คนมาก่อนเราเยอะมากแล้ว ค่อย ๆหลบไปทาง
ด้านตะวันออก เห็นเก้าอี้พวกจะเล่นดุริยางค์ เวทีพระบรมรูป มีไมโครโฟน สแตนด์ ตรงนี้แน่ที่
จะทำพิธีกัน เดินเลาะหาที่นั่ง นอกจากเก้าอี้ยังมีเกาะปูนที่เขาล้อมต้นไม้ใหญ่ แข็งแรง นั่งได้
สูงแค่เข่าเอง มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วเลยไม่ถามว่านั่งได้ไหม ดูพื้นเปียกน้ำอยู่ ฝนตกตอนเช้ายังไม่
แห้งลานปูนซีเมนต์ทั้งนั้น วัดนี้ไม่มีหญ้า เขาปูกระเบื้องเต็มบริเวณ ตรงไหนยุบเป็นแอ่งก็มีน้ำขัง
นานหน่อย ต้นไม้เอาต้นโตแล้วมาปลูกร่มรื่นดี แต่รู้จักไม่กี่ต้น สมอก็มี โพธิ์พุ่มกำลังงาม ไม้ต้น
ใหญ่อีกจำนวนมาก ดูร่มรื่นดี ใต้ร่มไม้ใกล้รั้วด้านติดแม่น้ำบางปะกง เป็นซุ้มโรงทานต่าง ๆ แจก
อาหาร ขนม น้ำ เครื่องดื่มยี่ห้อต่าง ๆ คนไปใช้บริการกันเต็มที่ ยายชอบใจไปเอากะเขาบ้าง
...........วัดโสธรวราราม ชื่อเดิมยาวแค่นี้ พอได้รับพระราชทานเป็นพระอารามหลวงเลยมีชื่อ
ต่อท้ายว่า วรวิหาร เป็น โสธรวรารามวรวิหาร แถมให้นิดหนึ่งเรื่องพระอารามหลวงหรือวัดหลวง
คือวัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง หรือพระบรมวงศานุวงศฺทรงสร้าง หรือวัดที่ทรงปฏิสังขรณ์และรับ
เป็นวัดที่อุปภัมภก์ หรือวัดที่ได้รับเลือกให้เป็นวัดในพระอุปถัมภก์ เมื่อเป็นวัดหลวง จะได้รับเงิน
ทะนุบำรุงจำนวนหนึ่ง เทียนพรรษาพระราชทาน กฐินพระราชทาน หวัดหลวงมี 3 ระดับคือพระ
อารามหลวงชั้นตรี ชั้นโทและชั้นเอก แต่ละชั้นจำแนกได้อีกหลาย ชนิด พระอารามหลวงชั้นตรี
มี 3 ชนิดคือ ชนิดสามัญ ชนิดวรวิหาร และ ชนิดราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นโท มี 4 ชนิด
ได้แก่ วรวิหาร วรมหาวิหาร ราชวรวิหาร ราชวรมหาวรวิหาร ส่วนพระอารามหลวงชั้นเอกมี 3 ชนิด
คือ วรมหาวิหาร ราชวรวิหาร ราชวรมหาวิหาร วัดหลวงพ่อโสธร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิดวรวิหาร จึงเรียกว่า "วัดโสธรวรารามวรวิหาร"
............แม่น้ำบางปะกง ทำให้วัดโสธรสง่างามมาก โดยเฉพาพระอุโบสถหลังใหม่มองจากน้ำ
บางปะกงจะดูเด่นเป็นพิเศษ แม่น้ำสายนี้มีข้อมูลน่าสนใจหลายประการ เกิดจากแม่น้ำนครนายก
และแม่น้ำปราจีนบุรีไหลบรรจบกันที่ตำบลบางแตนอำเภอบ้านสร้าง ปราจีนบุรี ช่วงที่อยู่ในเขต
ปราจีนบุรียังเรียกแม่น้ำปราจีนบุรี พอเข้าเขตฉะเชิงเทราจึงเรียกแม่น้ำบางปะกง ไหลลงสู่อ่าวไทย
ที่ตำบลท่าข้ามอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ความยาว 231 กิโลเมตร เวลาน้ำทะเลขึ้นลงมี
ผลต่อระดับน้ำในคูคลองเขตเทศบาลด้วย ริมฝั่งมีไม้ชายเลนพวกต้นจากขึ้นเป็นดง ชาวบ้านเล่าว่า
น้ำกร่อยนะ มีพวกปลาโลมาแอบเข้ามาหากิน จนมีพวกรับนำเที่ยวชมปลาโลมา ท่าจะจริงแต่เรา
ไม่เคยใช้บริการ ข้อดีของน้ำบางปะกงเขาบอกว่าพวกทำนากุ้ง เลี้ยงปลา ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน
...........เห็นแม่น้ำก็อดพูดถึงไม่ได้ ยายชวนไปรับข้าวต้มที่โรงทานริมแม่น้ำนั่นแหละ กินไปมอง
แม่น้ำไปเย็นลมพัดเบา ๆ เงยหน้าขึ้นเห็นเมฆลอยต่ำมาเรื่อย เห็นสายฝนโปรยลงมาดีที่อยู่ไกล
ได้แต่นึกในใจว่าอย่าลอยมาทางนี้นา คนกำลังกินข้าวต้ม เดี๋ยวเสียงานเสียการเขาด้วย ดีจริง ๆ
มันลอยเบี่ยงไปทางอื่น สายฝนทำให้อากาศเย็นลง ถึงคนมากก็ไม่ร้อน มีคนเดินแจกภาพในหลวง
สวย ๆทั้งนั้น รับมาสามแผ่นที่ไม่ซ้ำกัน กินข้าวต้มเสร็จก็เดินหาที่นั่งใหม่ ยายเจอคนรู้กันทักทาย
ไม่รู้จบ ก่อนยายเป็นโยมวัดนี้พระเณรเจ็บป่วยส่งโรงพยาบาล ยายเป็นหัวหน้าตึกสงฆ์เลยรู้จักพระ
และชาวบ้านดี แถมบ้านห่างวัดแค่ 150 เมตรเอง ปล่อยแกตามสบาย เราเจอแต่คนไม่รู้จักนั่งสบาย ๆ
หกโมงแล้ว แหงนดูฟ้าอ้าว เครื่องบินสองลำเปิดไฟวาบ ๆ บินใกล้กันเดี๋ยวก็ชนกันหรอก นั่นไง
หล่นลงมาใกล้หลังคาโบสถ์แล้วลำหนึ่ง แต่มันขึ้นไปได้ใหม่ เขาบอกมันเป็นพวกโดน 4 ใบพัด
บินขึ้นลงได้ เขาเอามาถ่ายภาพมุมสูง ชื่อโดรน มั้ง เขาว่าใช่ ๆ นั่นแหละ มันบังคับโดยคนที่อยู่
ข้างล่างเก่งนะคนสมัยนี้มีของเล่นแปลก ๆ
..........บนเวทีเขาเริ่มแสดงดนตรี มีเพลงพระราชนิพนธ์ตามที่ประกาศ 5 เพลง นักดนตรีเป็นเด็ก
นักเรียนนักศึกษา น่ารักดี จบเพลงถึงมีการพูดถึงการจัดงานโดยหน่วยราชการและภาคเอกชนร่วม
กันจัดขึ้น มีฉายภาพเสด็จฉะเชิงเทรา 10 ครั้ง จากนั้นเชิญผู้ว่ากล่าวแสดงความอาลัย ตามด้วยอ่าน
บทกลอน และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี งานจบลงตอน 19.00 น.ฝนไม่มาเลยซักหยดมี
แต่อากาศเย็น ๆ ดีจริง ๆ ตอนขากลับสนุกหน่อย เพราะแย่งกันออก ประตูวัดเปิด 2 ประตูเองเลย
เสียเวลานานกว่าจะหลุดออกมาได้ มาถึงบ้านก็ทุ่มครึ่ง รายงานกิจกรรมครั้งสำคัญมีเพียงเท่านี้ 

สวัสดีครับ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น