...........30 กันยายน วันสิ้นอายุ...........
------------
......30 กันยายน วันสำคัญสำหรับคนรับราชการจนอายุครบ 60 ปี ที่เรียกวันหมดเวลาสำหรับทำงานราชการ รุ่งขึ้น 1 ตุลาคม ก็ไม่ได้เป็นข้าราชการแล้ว ก็เลยถือว่าเป็นวันที่มีความสำคัญมากต้องจำกัน
ไปอีกนาน ก่อนจะคุยถึงข้อคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับวันที่ 30 กันยายน ขอหยิบเอาคำ 3 คำที่เป็นคำพ้องเสียง ถ้าไม่เห็นตัวสะกดการันต์ไม่รู้หรอกว่า ออกเสียงคำไหน เกษียน เกษียร หรือ เกษียณ เอามา
พิจารณาก่อนว่า ถึงจะเสียงพ้องกัน แต่ความหมายไม่ใกล้เคียงกันเลย คือต่างกันมากว่างั้นเถอะ
......เกษียน อันนี้เป็นคำไทยแท้แต่เขียนยังกับคำยืมจากภาษาสันสกฤต เพราะพอมองเห็นตัว "ษ" ก็เดาแล้วว่าใช่ คนคิดใช้คำนี้สุดยอดจริง ๆ ใครจะไปนึกถึงว่า เดิมเขาคือคำว่า "เขียน" แผลงมาเป็น เกษียน ดีที่ยังเหลือ "น" ไว้ให้เดา เลยไม่ต้องแปลยากรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง เกษียน ใบลาน เกษียนหนังสือราชการที่ใช้กันบ่อย ๆ ก็คือ เขียนนั่นเอง อ้อ คำที่สะกดด้วย ข แผลงแล้วใช้ กษ แทน มีหลายคำนะ เช่น เขต...เกษตร เขม...เกษม ขีร...เกษียร
.......เกษียร ออกเสียงกะเสียน เช่นเดียวกัน แปลว่าน้ำนม ที่ต้องแปลเพราะเป็นคำยืมจากคำสันสกฤต คือ กษีร แผลงสระ อี เป็น เอีย ตัว ร สะกด ตามเดิม แผลงครั้งเดียวได้ เกษียร เลย ส่วนบาลีใช้ ขีร จะแผลงจากบาลีต้อง 2 ยก ยกแรกแผลง ข เป็น กษ แล้วแผลง อี เป็น เอีย กว่าจะได้เกษียร ก็ยาวหน่อย ดังนั้นอย่าใช้คำ เกษียร กับวันที่ 30 กันยายน เพราะไม่ใช่วันน้ำนมหมดอายุ
......เกษียณ แปลว่า สิ้น หมด ครบกำหนด เป็นคำสันสกฤต กษีณแผลงสระอี เป็น เอีย รอบเดียวเป็น เกษียณ ตัว ณ สะกดตามเดิม ส่วนภาษาบาลีใช้คำว่า ขีณ ต้องแผลงสองรอบ ข แผลงเป็น กษ และแผลงสระ อี เป็น เอีย ตัว ณ สะกดตามเดิม คำนี้เองใช้กับวันที่ 30 กันยายน
.....มีข้าราชการจำนวนมากเกษียณอายุราชการในวันที่ 30กันยายน 2559 ปีนี้นะ เลยเติมเลข พ.ศ. จะได้รู้ว่าเขียนใหม่ ๆ ไม่ได้ขุดของเก่ามาอวด เห็นคำที่ใช้ก็ตกใจนะ "เกษียณอายุ" ดีที่มีคำราชการต่อท้าย ค่อยสบายใจหน่อย ไมใช่ เกษียณอายุจริง ๆ คนที่เกษียณมีสาเหตุของโรคแบบเดียวกัน คือแก่จนครบ 60 ปี โดยนับตั้งแต่ 2 ตุลาคม ปีก่อนหน้าจนถึง 1 ตุลาคม ของปีที่เกษียณ คือ ใครเกิดมีอายุครบ 60 ปี ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ก็จะเกษียณ พร้อมพวกที่ประกาศ ปี 2559 ไปเลย ส่วนคนเกิดหลังวันเดียวคือครบ 60ปี ในวันที่ิ 2 ตุลาคม 2559 ก็อยู่ได้อีก1 รอบปี ไปเกษียณ ปีถัดไป เมื่อเกษียณ ทุกคนเศร้า ๆ นะ แม้จะกัดฟันบอกว่าสบาย ๆ ไม่ต้องมีภาระยุ่งยากแต่ลึก ๆ ก็เหงาะนะ เว้นแต่พวกมีงานอื่นรองรับ ทำ
การทำงานไปก็ลืมความเหงาไปได้บ้าง(มีการแก้ไข ให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับ)
..........คนเกษียณ ไม่ต้องทำใจอะไร เพราะมันเกษียณของมันเอง ไม่ต้องทำใจเหมือนขึ้นเครื่องบิน แบบกลัวความสูง แต่ควรเตรียมพร้อม ให้เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา แค่คิดเอาไว้จะใช้เวลาหลังเกษียณทำอะไรดี คนมีวิชาความรู้ก็อาจได้ใช้วิชาความรู้เต็มที่เพราะเวลาเยอะ คนมีที่ไร่นาสวนก็อาจไปดูแลไร่นาสวน ทำได้เต็มที่ คนมีอาชีพอื่นรองรับก็ไปทำอาชีพนั้น ๆ ได้สบาย ๆ เวลามากพอ ส่วนอาชีพราชการ น่าจะพอนะ ถึงจะเก่งแค่ไหน มันไม่ใช่เวลาของเรา มีคนอื่นที่เก่งและหนุ่มกว่าเรา รอทำแทนเรามากมาย
แค่ให้กำลังใจเขาก็ดีแล้ว
........เกษียณแล้วหันหน้าเข้าวัด หลายคนแนะนำมา ผมถามกลับไปว่า แล้วจะไปทำอะไรที่วัด ตอบไม่ได้ ถ้าบอกว่าไปทำบุญ อยู่บ้านก็ทำบุญได้ ง่ายกว่าไปวัดอีก อยากทำทาน รอบตัวเรามีแต่คนอยากได้เงินทองทั้งนั้น คนยากจน คนเจ็บไข้ กองทุนมูลนิธิต่าง ๆ ให้สิ่งเป็นนามธรรมที่เรียกธรรมทานก็ได้บุญมากด้วยเช่น สั่งสอน อบรม ให้คำแนะนำ ให้วิชาความรู้ ภาวนามัยฝึกอบรมให้เกิดสติปัญญาก็ได้บุญ อะไรที่เราโง่งมงายอยู่ ไปฝึกอบรมให้ฉลาดหายโง่เป็นบุญอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี่เรียกบุญกิริยาวัตถุ 3 อย่าง ทำที่บ้านได้ไหม ที่นี่แหละจำเป็นมาก ทานวัตถุให้ครอบครัว ธรรมทานให้บุตรหลาน ปฏิบัติศีลที่บ้านตั้งแต่เช้ายันหลับตอนเย็น ไปทำงานก็มีศีลไปเที่ยวก็มีศีล ไปประชุมสัมมนาก็มีศีล ยากไหม ไม่ยากเพราะถือศีลไม่หนักนี่ แล้วภาวนาอบรมนี่ล่ะ ที่บ้านได้เหรอ ที่บ้านนี่แหละเหมาะมาก ทำวัตรสวดมนต์เสร็จแผ่เมตตา จิตใจจะอ่อนโยนขัดเกลากิเลสไปวันละนิด มีโอกาสก็กำจัดความโง่งมงาย ยังโง่เรื่องดิจิตอล ก็ศึกษาหาความรู้ประสบการณ์ จนทำได้โง่ก็หายไป ได้โลกียปัญญามา เป็นบุญอย่างยิ่ง ยังโง่เรื่องไหนอีก การฝึกอบรมช่วยเราได้ มีเวลาเยอะนี่นา อย่ามัวรอจะฝึกแต่สมถะวิปัสสนาที่มุ่งหาโลกุตรปัญญา ปัญญาตัวนี้ต้องมุ่งมั่นจริง ๆถึงจะได้
.......แล้วตัวเองล่ะ เกษียณมา 12 ปีแล้ว ก็ทำหลายอย่างนะ แรก ๆ อยากเปิดโรงเรียนฝึกอบรมการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับครูอาจารย์ ลงทุนไปสามแสนเศษ จุดหมายคือช่วยครูฝึกการใช้อินเตอร์เนตฝึกเขียนเวบไซท์ ฝึกทำสื่อการสอนเพื่อนำขึ้นเวบไซท์เป็นสื่อออนไลน์ ผลคือเก่งแต่คนสอน คนเรียนรับไม่ไหว เปิดอยู่ปีเศษมีนักเรียนไม่ถึง 20 คน ก็ได้คิดว่า สิ่งที่เราคิดว่าดีมีประโยชน์ คนอื่นอาจไม่คิดเหมือนเรา ก็เลยยุบเลิกกิจการ ลูกสาวก็ถูกหวยไป มีระบบเครือข่าย(LAN)ในบ้าน มีคอมพิวเตอร์ ใช้ 8 เครื่อง
.........จากนั้นก็คิดจะออกบวชท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย เจอที่สงบ ๆ ก็พักช่วยวัดอบรมสั่งสอนพระเณร จะได้ฟื้นความรู้นักธรรมเอก ปธ. 4 หรือไม่ก็ช่วยโรงเรียนที่ต้องการความรู้เรื่องหลักสูตรการเรียนการสอน หรือเรื่อง ไอที ก็บังเอิญมีเรื่องใหม่เข้ามา ต้องย้ายไปอยู่แปดริ้ว มีภรรยาคนที่สองนั่นแหละ เรื่องบวชก็ระงับไป ไม่ได้บวชก็ไม่เป็นไร ปฏิบัติตนแบบเดิมอย่างเคร่งครัด ก็พอจะชดเชยได้ ไปอยู่ 2 ปีก็เกิดเจ็บป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบ 3 เส้น แฟนเขาเป็นพยาบาลเลยรู้แนวทางการรักษา คงเพราะเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้ต้องมาอยู่กับเขา เขาพาไปรักษาที่โรงพยาบาลทรวงอก ทำบอลลูน ครบ 3 เส้น ก็เหมือนแหย่เท้าข้างหนึ่งไปแดนมรณะแล้วนั่นแหละ รอดมาได้ก็บุญมากแล้ว
.......ทำงานหนัก ๆ คงไม่ไหวแล้วร่างกายชำรุดมาก แต่ความคิดความอ่านยังไม่ชำรุดนะ ลองเปิด เวบไซท์ เวบบลอก นำข้อเขียนต่าง ๆ ไปไว้ให้คนอ่าน เรื่องประเพณีพื้นบ้านไทยอีสาน เรื่องธรรมแบบชาวบ้าน เรื่องการทำมาหากินของคนสมัยก่อน ประสบการณ์ ความรู้เรื่องหลักสูตร การเรียนการสอน วิจัยในชั้นเรียน การวัดผลประเมินผล เรื่องไอที เรื่องการทำอาหารพื้นบ้านอีสาน เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ได้อ่าน อ่านฟรี ๆ บางคนขอไปทำสื่อการสอน ก็ไม่หวงนะ เพราะนี่คือธรรมทาน ที่ได้บุญแบบสบาย ๆ ได้เสมอเมื่อมีคนมาอ่าน จากการทำเวบ ได้ความคิดว่ายังมี กำลังทำงานเบา ๆได้อยู่
........ศึกษาหาความรู้ไม่หยุด ทุกเรื่องที่อยากรู้ เข้าไปโลกออนไลน์หาได้หมด ลองไปขุดคุ้ยเรื่องภาษาไทยที่ยังอ่อนอยู่ เช่น ร้อยกรอง ฝึกเขียนกลอนกลบทตามแบบหนังสือ กลบทสิริวิบูลย์กิตต์ แต่เอาเรื่องนางผมหอมมาฝึกเขียน จนจบเรื่อง ได้กลบทกลอนหลายสิบชนิด จนรู้ว่าเขียนได้ทุกกลบทที่อยากเขียนนั่นแหละ จบกลอนกลบทก็นึกถึง โคลงบ้าง โคลงก็ยังอ่อนนะ ไปตามหาโคลงกลบทชนิดต่าง ๆ ได้จากจารึกวัดพระเชตุพนมาจำนวนมาก จากตำราโคลงเก่า ๆ ก็มาก ฝึกเขียนโคลงกลบทเอาเรื่อง ท้าวเซียงเหมี่ยงแล้วกัน เรื่องตลกแต่เขียนกลบท ถึงจะขัด ๆ กันช่างมัน เราทำแบบฝึกแต่งโคลงนี่นา แต่งไปแต่งมา จบ 40 ตอนนะ (ต่อจบ 76 ตอนแล้ว) ยาวทีเดียวแหละ โคลงกลบท 30 กว่าชนิด นางผมหอมกลอนกลบท เซี่ยงเหมี่ยงคำโคลง นำขึ้นเวบบลอก เปิดให้อ่านได้เป็น ธรรมทานครับ
.....เขียนถึงเรื่องเกษียน เกษียรและเกษียณ อย่างย่อ ๆ แต่ที่มันยาวเพราะนอกเรื่องนั่นเอง เพียงอยากเล่าถึงเรื่องประสบการณ์เก่า ๆสู่กันฟัง อยากให้คนที่เกษียน ปี 2559 นี้ มีแต่ความมั่นใจ สบายใจ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุข ยึดมั่นศีลธรรมเอาไว้เป็น เกราะคุ้มครองที่ดีมากครับ ขอบคุณ
-----------
ขุนทอง ศรีประจง
26 กันยายน 2559
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น