วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ครูหน่อยชวนไปเที่ยววัดและสวนสัตว์







                                               ไปแวะวัดหงษ์ทอง บางปะกง

บันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2561
.......วานนี้ตอนเย็นได้รับไลน์จากครูหน่อยถามว่า ตาอยู่ไหม ทำอะไรอยู่ก็ตอบไปว่า ยังอยู่ กำลังนั่งดูจอคอมพิวเตอร์ ตรวจงาน... พรุ่งนี้ว่างไหม ถามแปลก คนแก่วัย 74 ขวบ ไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน มันว่างทุกวันนั่นแหละเธอบอกจะมารับไปทานข้าวนอกบ้าน ชวนยายไปด้วย ก็เดินไปถามยาย พบว่ายายติดธุระ เลยตอบว่าตาไปได้คนเดียว
........ครูหน่อย ชื่อจริงสุรีรัตน์ หาญบัญญัติ พ่อชื่อทองใบ หาญบัญญัติ รู้จักกันดีเพราะเป็นคนบ้านหนองลุมพุก ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดอุดรธานี(สมัยโน้น) แถมมีที่นาติดกัน เรียกว่ารู้จักกันแต่สมัยยังเด็ก อ่อนกว่าซัก 3 ปี ตอนอยู่ ม.3 เขาจบ ป.4 ไปเรียนต่อ ป.5และป.6 ที่เขาเปลี่ยนหลักสูตรใหม่ ตอนผมจบป.4 เรียนต่อ ม.1 เลย ยังไม่มี ป.5 ก็พูดได้ว่ารู้จักกันดีตั้งแต่ยังเด็ก ๆ นาติดกัน และยังเคยบวชพร้อมกัน แต่เขาลาสิกขาบทหลังออกพรรษา แถมแอบมาตีท้ายครัวบ้านเราซะอีก มาแต่งกับลูกพี่สาวผม
พี่พุด ศรีประจง ลูกสาวพี่เขาชื่อวันทา ศรีประจง เกิดหลังผมปีเดียว โตมาด้วยกัน เมื่อแต่งกันแล้วเขามีลูกชายหญิงหลายคน คนเล็กสุดก็สุรีรัตน์นี่แหละ
........ช่วงที่ผมทำงานอยู่สามัญศึกษาจังหวัด กลับมาเยี่ยมบ้าน ก็เห็นหน่อยเรียนใกล้จบ ป.4 ก็เลยบอกให้ทางบ้านส่งเรียนต่อ ป.5-6 ที่โรงเรียนใกล้บ้านเพราะโรงเรียนหมู่บ้านมีแค่ ป.4 ช่วงนั้นเอง ลูกสาวคนโตสอบบรจจุเป็นครูที่สันติวิทยาสรรพ์ อำเภอผาขาว จังหวัดเลย จึงขอสุรีรัตน์ไปอยู่เป็นเพื่อน และ
ให้เรียน ม.ต้น ก็ดูแลกันเรื่อยมาเหมือนลูกสาวคนหนึ่งจนจบ ป.ตรีที่ราชภัฏเลยเอกภาษาอังฤษ เป็นครูอัตราจ้างอยู่หลายที่ จนสอบบรรจุได้ที่ กทม. ร่ายซะยาวเลย แนะนำให้รู้จักครูหน่อย คนที่บอกจะมารับตาไปทานข้าว เขามากับแฟน ขับรถคันใหม่ บอกวันนี้ฟรีสำหรับตา 1 วัน
.......เริ่มออกจากบ้านประมาณ 9.45 น. หมาน้อยเห่าประท้วงตามเคย คงบอกว่า คุกกี้ ทาโร่ อยากไปด้วยเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ไม่ได้เอารถเราไป เลยแวะไปเคาะหัวเบา ๆบอกให้อยู่บ้าน ยายยังอยู่ มันหันกลับไปนอนบนผ้าผวยที่ปูไว้ให้นอนเล่นข้างกรง จากนั้นเราก็ออกเดินทางกัน บอกให้พาไปชมวัดหงษ์ทอง
หน่อยว่าจะไปหลายหนแล้วไม่ถึงซักที รถครูหน่อยจอดอยู่หน้าบ้าน เลยไม่ต้อง เลี้ยวซ้าย ขวา เพราะมันหันหน้าไปทางถนนจักรพรรดิอยู่แล้ว ตานั่งด้านหน้ามองเห็นถนนหนทางโล่งดี สุดถนนเลี้ยวซ้าย เริ่มมีรถมากขึ้น เพราะสถานีรถไฟแปดริ้ว มองเห็นอยู่ข้างหน้า คนกำลังเดินลอดสะพานข้ามถนนคงเป็นพวก
จะไปขึ้นรถไฟ ทำให้รถต้องจอดให้พวกเขาข้าม ทั้งที่สะพานข้ามมี แต่เขาคงไม่ชอบ นิสัยมักสบายเหมือนเราเลย ผ่านหน้าร้านลาบที่มานั่งกินบ่อย ๆ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนแปดริ้ว-บางปะกง
........ผ่านสถานีขนส่ง รถเริ่มแน่น เพราะทางซ้ายพวกจะเข้าบิกซี ขวาพวกจะไป บขส. แต่ก็ค่อย ๆคลานมา ชี้ให้ดูปากซอยเข้าถนนพระยาศรีสุนทร ปลายถนนเส้นนี้ทะลุถนนใกล้บ้านห่างราว 200 เมตร เลยมาก็พวกห้างต่าง ๆ รถแน่นผิดปกติ กว่าจะถึงโรบินสัน เขาปิดทางเข้าวัดโสธร วันอาทิตย์ ให้เลยไปยูเทิร์น
กลับมาค่อยเลี้ยวไปวัด มิน่า รถติดยังกะถนนในกรุงเทพ ฯ ผ่านแยกไปพนัสนิคมเห็นป้ายยูเทินขีดเส้นทับไว้ แสดงว่าไม่ให้กลับรถ แต่เห็นเขากลับกันปกติเป็นเราคงไม่กล้าหรอก ผ่านไปเจอไฟแดงแยกวัดปรง รถรอไฟแดงยาวครึ่งกิโลเมตรได้ ไฟเขียวแล้ว พยายามจะผ่านให้ได้ ดังกะแกล้งเรา ต้องจอดเป็นคันแรกสำหรับรอบต่อไป ผ่านมาได้ก็เข้าเขตแผงมะพร้ามน้ำหอมราคาดีลูกละ20 บาท ไม่แพงหรอก ไปซื้อสวนยัง 12 บาทไม่ลดให้เลย ติด ๆ กันก็โรงงานขนมปัง สามเจ้า อร่อยและแพงดีทุกเจ้านั่นแหละ ลูกค้าวันนี้แนนทุกร้าน เคยแวะได้ขนมปังสอดใส้ก้อนละ 20 บาท กินก้อนเดียวอิ่ม อร่อยด้วย
.........ผ่านแยกไปคลองสวน ลาดกะบัง ถนนโล่งวิ่งได้สบาย ๆ ผ่านทางแยกบ้านโพธิ์ โรงงานโตโยต้า เข้าแสนภูดาด เห็นแผงลอยตลาดสดตั้งเต็มสนามเย็น ๆถึงจะมีคนขาย ผ่านป้ายปลาช่อนแดดเดียวทอดกรอบ 10 บาท แต่ร้านรื้อแล้ว คงเพราะขายดีมากเลยขายหมดร้าน แบบร้านก็ไม่เหลือ จริง ๆ เขาเล่า
ว่าสงสัยจะกลับไปขายที่เดิมแถวทางไปตลาดโรงเกลือมั้ง เสียดายมากินบ่อยต่อไปจะมีร้านไหนทอดอร่อยแบบนี้บ้าง ผ่านทางด่วนมอเตอร์เวย์สาย 7 คนขับลอดไป เข้ามาทางบางวัว บางปะกง ลอดอีกทางด่วนบางนา จะไปไหนนี่ครูหน่อย...เขาว่าวัดอยู่ด้านโน้นอีกสิบสี่กิโลเมตรถึงเลี้ยวซ้าย ก็ตรงมาเรื่อย




.........ป้ายวัดหงษ์ทองอยู่ข้างหน้า เลี้ยวซ้ายไปนึกว่าเขตทำนาเกลือ ถนนลัดเลาะไปตามทุ่งน้ำไม่มี มีแต่กระท่อมและโฮมเสตย์ มองเห็นเจดีย์วัดอยู่ไกลกว่าจะเข้าเขตวัด มีคนตั้งโต๊ะรอต้อนรับสองข้างทางเต็มไปหมด เขาบอกให้จอดรถแล้วเดินเข้าไป ผ่านโต๊ะไหนก็ทักทายเรา ใจดีจริง ๆ ทางนี้ค่ะ ชอบไหมคะ ไม่แพงค่ะ อร่อยนะ พวกผัก ข้าวปลาอาหาร ของสด ของทะเล แถมยังมีเสื้อผ้าอาภรณ์ ของเล่น ยังกะตลาดนัด แต่คงไม่ใช่เพราะดูท่าจะขายประจำก็เดินชมไป ครูหน่อยเอาร่มมากางให้ กลัวตาจะเป็นลมเพราะแดดร้อน ตาก็รู้มันอยากได้บุญนั่นเอง เพราะตาเป็นคนมีบุญมาก มากแบบไหน มากที่มีลูกหลานกตัญญู ห่วงใยไง
..........หาประวัติวัดมาอ่านหน่อยสิ นั่งพักตรงร่มไม้ ใกล้ ๆ หัวพญานาคนั่นแหละพวกเดียวกันค่อยรู้สึกคุ้นเคยหน่อย เดิมที่ดินตรงนี้เป็นของกำนันชื่อสมใจ ยกให้สร้างวัด แต่ไม่มีหลักฐานอะไร หลวงปู่ปาน จากวัดคลองด่านจึงตั้งเป็นสำนักสงฆ์เมื่อปี 2510 เลยถูกเอกชนมากว้านซื้อที่ดินผนวกที่ของสำนักสงฆ์ไปด้วย เดือดร้อนช้าวบ้านต้องช่วยกันรวบรวมเงิน นำโดยผู้ใหญ่บ้านชื่อ ปราชญ์ ศรนิล และพระอาจารย์โพธิ์ และได้ขอซื้อสิทธิ์ที่ดิน 21 ไร่ 2 งานเพื่อจัดตั้งวัดในเวลาต่อมา ช่วงปี 2522-2527 เป็นช่วงพัฒนาและขอจัดขึ้นทะเบียนเป็นวัดโดยสมบูรณ์และได้ชื่อวัดหงษ์ทอง ผู้ใหญ่ปราชญ์เลื่อมใสบุญกุศลเสมอมา ปี 2526 ได้อุปสัมบทและเดินธุดงก์ไปต่างจังหวัดนาน 6 ปีชาวบ้านได้ตามไปนิมนต์กลับบ้าน มาช่วยพัฒนาวัดหงษ์ทอง จนกลายเป็นวัดที่มีสิ่งปลูกสร้างงดงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด
........น้ำทะเลกัดเซาะเขตวัดจาก 21 ไร เหลือเพียง 8 ไร่เศษ หลวงพ่อจึงจัดให้สร้างเขื่อนกันน้ำบรรเทาการกัดเซาะ แต่การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ต้องลงทุนสูง เพราะเหมือนสร้างอาคารกลางน้ำ แถมเป็นน้ำเค็ม วัสดุที่ใช้ค้องทนทาน หลวงพ่อดูแลบริหารวัดด้วยวิธีที่เหมาะสมกับระเบียบวินัย เช่นห้ามพระเณรออกเรี่ยไร ห้ามดูทีวี ในเขาวัดห้ามการละเล่นมหรรสพ ห้ามขายเครื่องพระเณรแม่ชี ต้องปฏิบัติศีลปฏิบัติธรรม ชาวบ้านเลื่อมใสปฏิปทาหลวงพ่อ ช่วยกันสนับสนุนการก่อสร้างกุฏิวิหารเป็นไปด้วยดี ประกอบกับการออกแบบได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้อาคารกลางน้ำที่สวยงาม เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เป้นป่าชายเลน มีอะไรให้ชมบ้าง
.......เดินไปตามเขื่อนของวัดมาตามสะพานคอตกรีตที่ทอดยาวไปในทะเล ก็จะผ่านศาลาด้านหลังศาลา มีสะพานคอนกรีตยาว ช่วงแรกของสะพานประดับด้วยพญานาค เมื่อเดินไปสุดสะพานจะถึงพระธาตุ และพระอุโบสถ หลังพระธาตุถึงลานประดิษฐานรูปหล่อของกรมหลวงชุมพรฯ
.......อาคารศูนย์พัฒนาจิต ศาลาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ศรนิลอนุสรณ์ สร้างเมื่อปี ๒๕๒๗ - ๒๕๔๑ ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนร่วมสร้างถวายเป็นพระราชกุศล เทิดพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีกาญจนภิเษก 




........พระธาตุคงคามหาเจดีย์ ปรีชาประภากร ปราชญ์ ศรนิล อนุสรณ์สร้างขึ้นในปี ๒๕๔๒ พระธาตุคงคามหาเจดีย์ ฯ มีด้วยกัน ๓ ชั้น แต่ละชั้นจะมีภาพวาดฝาผนังแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาเช่นพุทธประวัติ ภาพพระโพธิสัตว์ปางอวตารต่างๆ ภาพวาดพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ นอกจาก
นี้ยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่ป็นที่เคารพสักการะที่สำคัญที่สุดคือบนชั้นสามของพระธาตุฯเป็นที่บรรจุพระธาตุวัตถุของพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ........ด้านขวาของพระธาตุเป็นสิ่งก่อสร้างล่าสุดของวัดคือ พระอุโบสถ ซึ่งก่อสร้างในปี ๒๕๔๘ แล้วเสร็จปี ๒๕๕๐ ภายในมีภาพเขียนจิตกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวพุทธประวัติ
...........ด้านหลังของพระธาตุคงคามหาเจดีย์ มีเรือรบจำลอง และรูปหล่อพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เด่นเป็นสง่า เดินไปดูอีกมุมเห็นรูปปั้นแปลก ๆ คล้ายคนหอบฟักลูกโต ปรากฏว่าไม่ใช่ เป็นรูปปั้นยักษ์ หน้ายักษ์มีรูปเด็กขี่ม้ามังกร มีรูปหนุ่มใหญ่อีกคนมองดูอยู่ห่าง ๆ เลยเดา
ว่านางผีเสื้อสมุทร สุดสาครและพระอภัยมณี เห้นก็ขำ ๆนะ ปั้นให้นางผีเสื้อสวย ๆหน่อยก็ได้นี่นา ทำแต่รูปน่ากลัวกัน
...........อ่านจบก็เดินชมกันแวะเกือบทุกจุดแหละ สรุปว่าวัดนี้มีที่ตั้งวัดเป็นป่าชายเลน สิ่งก่อสร้างเป็นศาลากลางน้ำทั้งกุฏิ วิหาร เจดีย์และอุโบสถคนออกแบบและก่อสร้าง จัดได้ลงตัว สวยงาม ทำให้คนหลั่งไหลไปชมไปทำบุญไม่ขาด เป็นแหล้งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดไปเลย เกือบเที่ยงก็ออกมาครูหน่อยบอกจะพาไปกินข้าวเที่ยงที่อ่างศิลา เลยให้ขึ้นทางด่วน แต่คนขับเขาชอบถนนสุขุมวิทย์ จำง่ายดี ก็วิ่งตะรอน ๆ เข้าเมืองชล รถแน่นมากเพราะเป็นวันหยุด เลยให้ใช้ทางเลี่ยงเมือง รถมากแต่ยังพอวิ่งได้ มาจนสุดทางเลี้ยวขวาเข้าไปสมทบสาย 3 สุขุมวิทย์อีก เจอไฟแดงเข้าอ่างศิลา รถยังกะถนนราชดำเนิน เลยให้ผ่านไปทางเข้าบางแสน รถไม่มาก ให้ไปด้านหน้าหาดบางแสนรถว่าดี ทะลุออกเขาสามมุก ย้อนมาทางอ่างศิลา ทางโล่ง ๆแป้บเดียวก็ถึงร้านอาหารที่ครูหน่อยจองไว้



ยังไม่จบ เขาไปผู้เฒ่าไปเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียว




..
.......เขาถามตากินอะไร ก็บอกไปกินได้ทุกอย่างที่พวกเธอสั่งมา เขาพาไปเลี้ยงจะเสียเวลาเลือกกินทำไมเนาะ สั่งเองก็พวกส้มตำงี้ หมึกย่างงี้ เขาได้หัวเราะเอา ให้เขาสั่งของดี ๆมาดีกว่า ก็อาหารพวก หมึก กุ้ง ปลา นั่นแหละสีสันฉูดฉาดน่ากิน กินไม่กี่คำก็อิ่ม คนแก่กินอิ่มไว ร้านอาหารโอเพ่นแอร์ติดชายทะเล อากาศเย็นสบาย ๆ ร้านนี้มากินประจำ เรียบร้อยแล้วครูหน่อยบอกจะพาไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เพราะหนูไม่เคยไป นั่นไงที่แท้แกอยากไปนั่นเอง ตาอิ่มแล้วไปไหนก็ไป เขาเขียวเหรือ พาครูนกมาเที่ยวสัก 3 รอบแล้วมั้ง อยู่แปดริ้วยิ่งมาบ่อย วันเด็กพายายมาเที่ยวประจำ แกอ้างพาหลานไปเที่ยววันเด็ก ไปถึงไม่เห็นพาหลานไปเดินเลย เดินคนเดียวลิ่ว ๆ แล้วจะให้เชื่อว่าพาหลานมาเที่ยวสวนสัตว์ได้ไง ก็ผู้ใหย่อยากมานั่นแหละ
........สวนสัตว์เปิดเขาเขียววันนี้ ยังเหมือนเดิม ทางเข้าจากมอเตอร์เวย์ก็ที่เดิมถนนแคบ ๆ เหมือนเดิม นักท่องเที่ยวก็เยอะเหมือนเดิม ที่ดีหน่อยคือคนแก่ 60+เข้าชมฟรี จอดรถแล้วครูหน่อยไปเช่ารถไฟฟ้ามาขับพาเที่ยว จุดแรกไปชมฟลามิงโก มันอยู่หน้าป้ายมีสิบกว่าตัว สีชมพูอ่อน ๆ ขายาว ๆ ถ่ายรูปแล้วพอดีรถที่ไปเช้ามารับเข้าไปด้านใน
.........ตรงนี้เป็นสวนเก้งกวางครับ เจ้าหน้าที่บอก มองหาที่ไหนก็ไม่มีสุดท้ายเจอตัวหนึ่งเดินมาใกล้รถ เกือบขายหน้าสวนกวางนะเนี่ย สงสัยแดดร้อนมันหลบไปอยู่ด้านล่าง ไม่มีก็ผ่านไปกรงพวกลิง บางกรงก็ว่างเปล่า มีกรงละไม่กี่ตัวไม่น่าดูเลย อุทยานน่าจะมีหน่วยเพาะพันธุ์ไว้ส่งให้สวนสัตว์ต่าง ๆ เพราะพวก
ลิงนี่คงทำใด้ ขนาดลิงปล่อย ๆ มันแพร่พันธ์ซะเต็มบ้าน ผ่านไปอีกเป็นนกเพนกวิน ครั้งก่อนตัวเล็ก ๆ วันนี้ตัวใหญ่มาก เล่นน้ำอวดคน เด็ก ๆชอบมากก็ใช่นะหนูขนาดตายังชอบเลย
.........ไปดูพวกตัวใหญ่ ตัวดำ ๆ ขาวยาว ๆ คล้ายนกจัง ครูหน่อยบอกก็นกกระจอกเทศน์ไงตา อ้อใช่มีห้าหกตัว ยื่นถัวฝักยาวให้มันไม่กินแฮะ ทำไมมันไม่กินล่ะตา แม่ค้าบอกมันกินถั่วด้วนี่ ...เลยบอกว่ามันไม่กินหรอก บ่ายแล้วมันกินแต่เช้าคนเอาให้มันคงอิ่ม เลยไม่กิน แน่นอนกสัตว์ต่าง ๆ กินอิ่มก็หยุดกินไม่เหมือนคน อิ่มแล้วยังไปต่อได้ ใกล้ๆกันก้พวกยีราฟ คงยังม่อิ่ม ป้อนเท่าไรกินเรียบ มันตัวใหย่ด้วยเลยกินได้เยอะ ตัวอะไรไม่ร๔คล้ายกวาง แต่สียังกะภาพวาด สองเขาตั้วตรงบิดเป็นเกลียว มาสี่ห้าตัวน่ารักดี แต่ไม่ยอมใกล้คน
.........ไปชมสัตว์ใหญ่กัน ฮิปโปไง โผล่เข้าไปลิงเต็ม อ้าวไหนว่าบ่อฮิปโปลิงพวกนี้เป็นลิงป่า แอบเขามาหากินแล้วไม่รู้ทางออก กลายเป็นลิงสวนสัตว์ไปพวกนกกระสา ปากห่าง บินอยู่หลายตัว คงเข้ามาหากิน ก็ดีทำให้มีสัตว์เพิ่มหวังว่าคงไม่มีเสือสิงห์กระทิงแรดแอบเข้ามานะ บ่อฮิบโปเห้นตัวมันนอนแช่น้ำอยู่หลายตัว เขาว่ามันกินพืชนะแต่ทำไมหนังหนาท่าจะไขมันเยอะด้วย หน่อยว่ามันชอบกินกล้วย ดุสิเขาโยนให้กินไม่เหลือเลย เปล่าหรอก ธรรมชาติมันหากินพืชใต้น้ำ ไม่มีสวนกล้วยใตน้ำหรอก มาอยู่สวนสัตว์มีอะไรให้กินมันก็กินขนาดถุงพลาสติคมันยังกินเลย
.........ผ่านไปทงกรงแรด เห็นมีแรดสีขาว ๆ สามตัวกำลังยืนกินหญ้าที่คนป้อนนึกว่าแรดเผือก ไปดูใกล้ ๆ ที่แท้แรดเกลือกตม พอแห้งเลยมีสีขาว ๆ ด้ายซ้ายมือนกฟลามิงโกมีเยอะกว่าที่อยู่ด้านหน้า ด้านขวานกกระจอกเทศห้าหกตัว ตรงนี้ยื่นถั่วให้เท่าไรก็ไม่พอ กำลังหิว เลยมาอีกหน่อยก็สิงโต ไฮยีน่าไม่หยุดละจะไปดูกรงนก โชเฟอร์เลยผ่านไปกรงนกใหญ่

.........กรงนกเหมือนเดิม มีเสียงนกเจี้ยวจ้าว เซ็งแซ่ ซื้ออาหารเม็ดกล่องถือไปด้วย ด้านหน้ากรงยังไม่ให้ เพราะมันกินไม่ทัน ใครมาก็โปรยให้ มีทางไต่ขึ้นไปด้านบน เจอนกตัวเขียว ๆ นกเอี้ยง นกเขาเขียว ไก่ป่า ไก่ฟ้า นกเป็ดโปรยอาหารให้มันมองเฉย ๆ คงอิ่มมาก นกกระทาก็มี แซงแซว บนกรงมีนกจากข้างนอกเกาะอยู่หลายตัว คงอยากเข้ามากินกะเขาล่ะซี อยู่นอกแหละดีแล้วข้างในมีอาหารกินก็จริงแต่ไม่มีอิสระ หลายพ่อพันแม่ จะจีบกันก้ไม่สะดวกนกอื่นจ้องตาเป็นร้อย ๆคู่ น่าอายจะตาย
........ออกจากกรงนกใหญ่ ไปดูช้าง กวา งกระทิง วัวแดง ขับรถผ่านช้า ๆแล้วกันลงเดินไม่ไหวแล้ว ความจริงไม่บอกก็ได้ เพราะรถชักไม่มีแรงแล้ว มาถึงป้ายบอกสมเสร็จอยู่แถวนี้เลยไม่ได้แวะ มีคนขับรถจากศูนย์เช่นรถผ่านมาเจอบอกแบตอ่อน เขาช่วยดันตอนปีนเขา ผ่านได้ห้าลูกก็เข้าเขตสำนักงาน เอารถ
ไปคืนเขาจะกลับละ เหนื่อย
........ออกจากสวนสัวต์เกือบห้าโมงเย็น มาเจอตลาดสดข้างทางเลยเสียเวลาเดินตรวจอยู่ได้ผักของกินหลายอย่าง อยากกินแกงลาวแบบไทเลยเขาเรียกแกงร้อยแปดมั้ง มีหน่อไม้ มะเขือเปราะ ยอดชะผม ฟักทอง ปลากรอบเห็ด เครื่องแกรงแกบบแกงเปรอะ น้ำแกงใช้น้ำย่านาง ผักแต่งกลิ่น ใบหอมสด ชะอม แมงลัก ได้ครบ สบายใจ วันนี้ที่นั่งเขียนนี่แกงเสร็จแล้ว รอนึ่งข้าวเหนียวสุกก็จะไปจัดการ หอมมากเสียสมาธิเขียนหนังสือจัง
........ค่ำแล้วกลับบ้าน มาทางมอเตอร์เวย์ถนนหมายเลข 7 เข้าที่ด่านบางแสนออกด่านบางปะกง กลิบถนนบางปะกง-แปดริ้ว ถึงบ้านหกโมงเศษ จบล่ะนะ

























ไปอาบน้ำก่อน สวัสดี อ้อ ภาพยังไม่ได้เลือก 







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น