วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

ไปมืองจัน และเที่ยวตลาดนัด

 (เพจนี้รวมเรื่องไปเที่ยว จันทบุรี ตลาดนัดเนินหิน และ ตลาดนัดทุ่งสะเดา)
-----------------
ไปเมืองจันทบุรี
----------------
........วานนี้ 3 มกราคม 2561 มีคำสั่งสายฟ้า จาก ผบ.ทบ. คุณธนัญธร ณรงค์หนู แจ้งให้ขับรถจันทบุรี เตรียมเสื้อผ้าไปค้าง 1 คืน คำสั่งออกเมื่อ เวลา 13.30 น. ก็ไม่ได้คิดฝันหรอก เพราะตอนเช้าแจ้งให้เราทราบแล้วว่า คงไม่ไปปวดขา เดินไม่ถนัด หลังหมอผ่าเอาสกรูออกจากสะโพก มีอาการ ปวด เดินไม่ถนัด นอกจากทานยา พบหมอตามนัด ก็ให้ประคบร้อน เพื่อ บรรเทาอาการปวด ซื้อกระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้ามาให้ 2 ใบ เช้านี้ก็ให้ประคบแต่ เช้า เห็นบ่นว่าแฟนเพื่อนเสีย มีเพื่อนบางคนไลน์แจ้งว่าคณะเพื่อน จะไป ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดอภฺธรรม คืนวันที่3  ปวดขาขนาดนี้คงไม่ไปหรอก ก็ รับทราบตามนี้ จากนั้นเราก็ไปทำกิจต่าง ๆ
.......กิจที่ต้องดูแลก็มีต้นไม้รอบบ้าน ต้องฉีดน้ำรดให้ประมาณ 45 นาที วันละครั้ง ก่อนมีระบบพ่นน้ำจากท่อ พีอี ช่วย ตอนนี้ชำรุดมาก คงซ่อมไม่ได้ นอกจากทำใหม่ทั้งหมด ไว้มีเวลาจะรื้อทำใหม่ นอกจากนี้ก็ดูแลการให้ อาหารหมา 6 ตัว ตกลงกันแล้วว่าจะเลี้ยงแบบหมาวัด แค่มีข้าวคลุกเศษ อาหารให้ก็พอ ข้าวก็ซื้อปลายข้าวหรือข้าวราคาถูกมาหุง เศษอาหารก็โครง ไก่วันละโครง ต้มแล้วสับ ๆ ๆ ๆ คลุกข้าวให้ หมาแต่ละตัวอ้วนเกินพิกัด เจริญอาหารเกินไป นอกจากนี้ก็งานบ้านวันแม่บ้านหยุด ปัดกวาดถูบ้าน ส่วน เรื่องซักผ้ายายเขาคุมอยู่
.......รดน้ำต้นไม้เสร็จขึ้นบ้านมานั่งหน้าจอคอม เล่นเฟซ ไลน์ ไปเรื่อย หิวข้าวก็มีข้าวเหนียว หมูหมักทอด อิ่มอร่อยได้สบาย ๆ แล้วก็มานั่งต่อ งานเขียนต่าง ๆ ใช้เวลาหน้าจอคอมนี่แหละ เวลา 13.30 น. มีคำสั่งแบบ สายฟ้าแลบออกมา เลยต้องหยุดทุกอย่างไปเตรียมรถ และขึ้นมาเตรียมเสื้อผ้า เอารถออกไปรอที่หน้าบ้าน นึกว่าจะรีบร้อน ออกจากบ้านได้ 14.25 น. แวะข้างทางหาของฝากเพื่อน หาขนมกินแทนข้าวเที่ยง ตรวจสอบแผนที่ ระยะทาง 190 กม. น่าจะใช้เวลาสัก 3.30 ชั่วโมง คงถึงค่ำพอดี เลยขอให้ประสานเรื่องที่พัก รีสอร์ทเดิมที่เคยไปพักให้ ด้วย เห็นคุยโทรศัพท์ กับเพื่อน ไม่นานก็บอกเรียบร้อย
.......เรามาทางบางปะกง วางแผนจะใช้ทางหลวงหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ รวดเดียวจากบางปะกงถึงจันทบุรี รถคงไม่มาก เพราะคนไปเที่ยวปีใหม่ 3 วันแล้ว คงขากลับมากกว่า ใช่จริง ๆ ถนนโล่งดี ผ่านด่านบางปะกง ชลอรถ จะรับบัตร อ้าวไม่มีคนแจกบัตร มีป้ายแทนบอกว่าปีใหมฟรีค่าธรรมเนียม อืม หวังว่าคงฟรีทุกด่านนะ ยายเตรียมเหรียญสิบบาทให้กำหนึ่ง เก็บไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเจอเซเว่นจะแวะเอาไปให้เขา ค่าขนม กาแฟ ต้องใช้ เราวิ่งออกจาก ด่านบางปะกงมา ช่วงนี้เขากั้นรั่วสองข้างถนน มีร้านก็ออกไปซื้อไม่ได้ ก็วิ่ง รถไปเรื่อย ๆ ยายบ่นหิวข้าว ก็ช่วยไม่ได้ รอสักครูก่อน ไม่นานก็ด่านพานทอง ฟรีค่า ธรรมเนียมเช่นกัน รถค่อนข้างมาก มีพวกจากเมืองชล และพนัสนิคมมา สมทบ ไปกันเป็นขบวนใหญ่ แต่วิ่ง 100 และ 100+ วัยรุ่นอย่างเราก็ชอบนะ กลัวถึงปลายทางค่ำมืด
.......เสียงรถหวอ ดัง มาข้างหลัง นึกว่ารถพยาบาล อ้าวรถนำขบวน บนทาง ด่วนยังต้องใช้คนนำทาง พวกนี้โง่หรือเปล่า ทางด่วนขับรถง่ายจะตาย เขา กลัวหลงทางล้อมรั้วไว้ทั้งสองข้างแล้ว ไม่หลงง่าย ๆหรอก แก่ขนาดเรายัง ไม่หลงเลยก็หลบให้เขาหน่อย สงสารเนาะ เลยเมืองชลมาไม่นานคราวนี้ หวอรถกู้ภัยตามด้วยรถพยาบาล ขอทางจะไปไหน โรงพยาบาลอยู่เมืองชล เยอะแยะจะเลยไปทำไม ไม่นานก็ได้คำตอบ รถทะเลาะกันบนทางด่วน เตะตูดกันพังยับ อีกคันหั่วทิ่มรั้วทางด่วน คอนกรีตน่ะลูกคอหักยับไปอีกคัน ก็รีบ ๆหลบไป รถพยาบาลจะได้ทำงานสะดวก
........เจอปั้มน้ำมันขอแวะตรวจห้องน้ำสักครู่ มีร้านขายของกิน ยายลงไปก่อนแล้ว คงหิวมาก เรากลับมาเห็นนั่งกินขนมเฉยรอบนรถแล้ว เดียวนี้ยายเป็นคนกิน ง่าย นิสัยใกล้เคียงกับเราแล้ว คือไม่เรื่องมากไม่ต้องไปนั่งร้านอาหาร ซื้อมากินบนรถนี่แหละ เปิดแอร์เย็น ๆให้อยู่แล้ว เหม็นกลิ่นไก่ย่างส้มตำ ก็กลิ่นที่เราทำเอง ไม่ต้องโทษใครกินเสร็จเปิดกระจกไล่กลิ่น ก็จบ อยากหอมพ่นสเปรย์ใหม่ แค่นี้เอง พอกินอิ่ม ตาขับรถได้ทางเกือบ 40 กิโลเมตร ไม่ต้องถามว่านั่งในร้านหรือนิ่งกินบนรถดี
........ผ่านเข้าเขตระยอง ร้านไก่ย่างปิดไม่ทำการเกือบทั้งหมด ยายบ่นเสียดาย ปิดทุกร้านเลย โถยายคนขายก็เหมือนเรานี่แหละ ปิดปีใหม่ 4 วัน ติดกันเขาก็ถือโอกาสปิดแผงไก่ย่างส้มตำเขาบ้างซี พวกนี้คนอีสานเพชรบูรณ์ซะส่วนใหญ่ กลับไปเยี่ยมบ้านกัน หลังปีใหม่ค่อยมาเปิดแผงลอยกันอีกที เทศกาลหยุดที หลายวันนี่มีผลต่อคนงานอีสานมาก เพราะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมบ้าน สมัยอยู่กรุงเทพ ไปเรียนหนังสือที่บางเขน เจ้าของบ้านไปจ่ายกับข้าวบ่นว่าต้องมาจ่ายเองทำกับข้าวเอง ลำบากมาก คนทำงานบ้าน ยาม มันลากันหมด ไปเยี่ยมบ้านที่อีสาน บ้านฉันก็เหมือนกัน คนขับรถก็ด้วยขับรถมาตลาดเอง ยังงง ๆอยู่นี่ ฟัง แล้วก็ขำ ฤทธิ์ของแรงงานอีสานทำเอาบ้านเมืองเป็นอัมพาตได้เชียวนะ 

.......อาทิตย์อ่อนแสงลง รถเปิดไฟวิ่งกันเมื่อออกจากระยอง ผ่านนายายอาม ยายถามทำไมชื่อบ้านนอกจัง ความจริงนั่นมันชื่อเดิมตั้งแต่เป็นบ้านนอก บ้านไม่กี่หลัง พอเศรษฐกิจดีขึ้น ตึกรามขึ้นเต็มไปหมดกลายเป็นตลาดนายายอาม เป็น อบต.นายายอาม วันนี้ของแสดงความชื่นชมนะ บ้านนายายอามเป็นอำเภอนายายอามแล้ว ชื่อยังรักษาคำนายายอามไว้อยู่ ดีจริง ๆ นายายอามแวะซื้อผลไม้หายาก สองชนิดคือ ฟักเขียว ฟักทอง ราคาไม่แพง อร่อยด้วย เที่ยวนี้ขากลับคงได้อุดหนุนกันอีก รีบไปจะค่ำมืดแล้ว บาย บายนายายอาม
.......เข้าเขตอำเภอท่าใหม่มืดเต็มที่ ดูเวลาเพิ่งจะหกโมงเหลือระยะทางไม่ถึงสาม สิบกิโลเมตรถึงปลายทาง อบต.คลองนารายณ์ บ้านเพื่อนอยู่แถวนั้น ผ่านที่พัก สวนชมจันทร์รีสอร์ท เลยไปสัก 3 กิโลเมตร ถามยายบอกให้ไปบ้านเพื่อนก่อน เข้าที่พักทีหลัง ดูเนวิเกเตอร์หน้ารถบอกกำลังไปตามถนนหมายเลข 3 ผ่านอำเภอ ท่าใหม่ไม่นานก็เป็นทางแยกซ้ายไปสระแก้ว ขวาไปตราด เราเลี้ยวขวาไปไม่นาน ก็เป็นเขตเมืองจันทบุรี ผ่านหน้าสวนชมจันทร์รีสอร์ท ยายชี้ให้ดูบอกจะพักที่เดิม เลยไปไม่นานเป็นสะพานสระบาป ชื่อเพราะดี ยายบอกเพื่อนให้ยูเทิร์นกลับมาตรง ซุ้มทางเข้าวัดสองห้อง แต่เป็นทางไป อบต.คลองนารายณ์ด้วย เลี้ยวซ้ายไปไม่ นานก็มีคนมายืนหน้าบ้าน นัยว่าเป็นคนที่คุยโทรศัพท์กับยายนั่นแหละ เขาให้ถอยหลังเข้าจอดจะได้ออกง่าย
........ลงไปเป็นบ้านคุณอำนวยที่เคยมาครั้งหนึ่งแล้ว บ้านสวนผลไม้แบบชาวเมือง จันทร์ทั่วไป คุณอำนวยเป็นนักเรียนพยาบาลวิทยาลัยพระปกเกล้า รุ่น 5 เหมือนกัน เลยมีสมาชิกรุ่นมามาเยี่ยมเต็มบ้าน เห็นว่ายายก็รุ่น 5 เหมือนกัน มิน่ารู้จักกันโดย ไม่ต้องแนะนำ โผล่เข้าไปในบ้านเจอแต่ละคนคุ้น ๆนะ บางคนเคยไปเยี่ยมที่บ้าน แปดริ้ว บางคนไปเจอกันที่โรงพยาบาลทรวงอก ยายไปพบหมอ เพื่อนมาเยี่ยมและชวนไปทานข้าวที่บ้านประจำ คณะก็ตามไปสนุกสนานกัน เคยแซวว่ามาพบหมอนะ ไม่ใช่เลี้ยงรุ่น เพื่อน ๆก็บอกว่านี่แหละรุ่นพวกฉันละ เจอกันก็ยินดี เลยไม่ต้องแนะนำอะไรมาก คนรู้จักทั้งนั้น นั่งลงก็รับบริการอาหารเย็นทันที เขาว่าคนมาทีหลังรีบทาน จะได้ไปงานต่อ อร่อยอาหารหมูชะมวงบรรจงทำจริง ๆสมเป็นอาหารประจำถิ่น ล่อไปสองชามก็สวัสดี ขอบคุณ
.......ขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยเพราะจะไปนั่งฟังสวดอภิธรรม แล้วก็ออกมา ขึ้นรถผู้โดยสารเต็มคันรถ อีกคันตามหลังมา มีรถนำหน้าพาไปเลยไม่เครียด ตามเขาไป วิ่งเข้าในเมือง ทุ่มเศษแล้วรถราบนถนนค่อยว่างหน่อย ไม่นานก็ถึงวัดเดินตามกันไปศาลาสวด ทักทายด้วยการจุดธปคารวะศพ ค่อยไปทักทายเจ้าภาพแล้วก็หลบไปนั่งแถวหลัง ให้พวก ผู้หญิงเขาทักทายกัน เพิ่งทราบว่าวันนี้คณะนักเรียนพยาบาล พปก.จันทบุรี รุ่น 5 เป็นเจ้าภาพร่วม ภรรยาผู้วายชนม์เป็นนักเรียนรุ่น 5 นี้เหมือนกัน เจี้ยวจ้าว ๆ ทัก ทายกัน จนใกล้สองทุ่มพระลงมา 4 รูป รอครู่หนึ่งพิธีกรก็เชิญชวนฟังสวดอภิธรรม
.......งานนี้เจ้าภาพภรรยาผู้วายชนมคือ.คุณ งามทรัพย์ ศิริวงศ์ เพื่อนนักเรียน พปก. รุ่น 5 เจอหน้าก็จำได้ ไปเยี่ยมตอนเราไปโรงพยาบาลทรวงอกบ่อย ๆ นึกว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่แท้บ้านอยู่จันทบุรีนี่เอง ได้เวลาอยากดูขั้นตอนการสวด เหมือนแถวบ้าน ไหม ก็คล้ายกันนะ มีเชิญคนไปจุดธูปเทียนบูชาพระ บูชาพระธรรม และจุดบูชาศพ อ้อ มีเคาะโลงศพด้วย พิธีกรก็อธิบายว่าทำไมเคาะโลงศพ บอกว่าเมื่อก่อนไม่มี เครื่องขยายเสียง เคาะโลงบอกให้รู้จะเริ่มพิธี คนจะได้หยุดคุยกันหันมาร่วมพิธี สวดบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล รับศีล พระสวดอภิธรรม ถวายผ้าบังสุกุล พระสวด ชักอนิจจา ถวายดอกไม้ ก็คือจตุปัจจัยนั่นแหละ และพระก็อนุโมทนา กรวดน้ำ เป็น เสร็จกิจกรรม เจ้าภาพเชิญรับของว่าง เป็นกล่องขนมและนมสด จบกิจกรรมสวด ก็คุยกันต่อ เกือบสามทุ่มค่อยอำลาเจ้าภาพกลับที่พัก ขบวนเพื่อนมาส่งถึงรีสอร์ท ขอบคุณน้ำใจเหลือหลายจริง ๆ
.........เช้าวันที่ 4 มกราคม 2561 ยายบอกมีนัดบ้านคุณอำนวย ตื่นแต่ตีสี่ ไม่รู้จะ ปวด...อะไรกันนักหนา(ปวดภาษาอีสาน ไว้แซวคนใจร้อนอยากทำอะไรเร็ว ๆ จน อยู่ไม่สุข หรือนอนไม่หลับ) ตลาดสดเกือบเจ็ดโมงค่อยไปก็ทัน ไปถึงบ้านเพื่อนก็ ยังไม่หกโมง บางคนก็ยังไม่ตื่น รอนานจนหกโมงครึ่งค่อยออกไปตลาดสดวัดคมบาง ห่างบ้านคุณอำนวยสัก 500 เมตร ไปถึงเจ็ดโมงเช้า แม่ค้ากำลังจัดแผงวางสินค้ากัน บางแผงก็เรียบร้อยพร้อมจำหน่าย เลยแซวว่า พวกตรวจการตลาดสดมาแล้ว
........เจ้าแรก เกาเหลาเลือดหมู ดูสะอาด น่ากิน เลยจองไว้สักสองชุด ถัดไปเป็น พวกผักพื้นบ้าน มีตำลึง มีสะเดา ผักคันจอง อ้อมีมะกอกสุกด้วย ลูกละบาทเดียว หน้าที่ผลไม้ไม่มี เอามะกอกนี่แหละ ใส่ส้มตำดีนักแล เดินลึกเข้าไปแผงปลาพวก ปลาน้ำจืดครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นปลาทะเล ราคาก็ใช้ได้แพงทีเดียว อีกแผงเป็นพวก ของกินพื้นบ้าน ไก่ย่าง หมูย่าง เนื้อย่าง มีครบครัน เลยไปหน่อยเจอผักดอง ชิมดูรสบ้าน ๆ ดู ขอถุงหนึ่งเอาไปกินกับน้ำพริก เลยไปเป็นมุมของหวาน ขนมใส่ใส้ ขนม เทียน ขนมชั้น ปากหม้อ ลอดช่อง ชนมปัง ขนมหวานชื่อฝรั่ง มีพวกเด็ก ๆ มุงกันเต็ม อ้อมีแผงขายนกกวัก เขาบอกไม่ใช่เป็นนกไก่นา แหมอุตส่าห์ทักนกกวักแล้วนะ กลัวจะรู้ ว่าเราบ้านนอกเรียกนกไก่นา แต่สาวเมืองจันท์บอกเองนกไก่นา กว่าชั่วโมงหนึ่ง ก็ได้ ของกันเต็มมือ กลับมาบ้าน เปิดบุฟเฟต์กันเต็มที่ แต่คนกินไม่กี่คนหรอก มัวคุยกัน เรากินเกาหลาหมดชามหนึ่งก็สวัสดีแล้ว ออกไปเดินถ่ายภาพเล่นรอบ ๆบ้าน
........เสร็จกิจกรรมสังสรรค์ที่บ้านคุณอำนวยก็เกือบสามโมงเช้า ค่อยร่ำลากันได้ จากนั่นก็แยกย้ายกันกลับ เรากลับทางเดิมแหละประมาณห้าโมงเช้าหมดสภาพ ลืมตา ไม่ขึ้น ขอแวะปั้มข้างทางหลับก่อน จำไว้ทีหลังอย่าปลุกตีสี่ รู้ไหมนอนหกทุ่ม ดูละคร จบ ปลุกตีสี่ก็คือนอนสามชั่วโมงนั่นเอง ใช่ว่านอนจะหลับทันทีเมื่อไร หลับไปตื่นมาก็ เกือบบ่ายสอง วิ่งตามถนนหมายเลข 7 จะเข้าเมืองชล มีออเดอร์ใหม่ ให้แยกออกไป ทางพนัส ก็งง ๆ นะ แยกไปทำไม ถึงสี่แยกพานทองก็เข้าใจ มองหาตลาดสดว่างเปล่า
วันนี้ไม่มี บ่นใหญ่เลย ทำไมมันไม่มี เออ เขาไม่รู้น่ะยาย ถ้ารู้ยายจะผ่านทางนี้เขาคง มาตั้งแผงรอแล้ว ก็เลยพาผ่านไปตลาดเทศบาลพนัสนิคม ปล่อยให้เดินตลาดซะให้ เข็ด ได้ของแล้วค่อยกลับ เข้าบ้าน หกโมงเย็น ขาไปออกบ่ายสองเศษ ไปถึงจันทร์ หกโมงเย็น ขากลับสามโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ยังกะทางไปและกลับมันยืดแตกต่างกัน ...ก็คงจบได้แหละครับ เล่ายาวเกินไปแล้ว 


 ------------------------
  เที่ยวตลาดสดทุ่งสะเดา แปลงยาว
--------------------------
.........21 ตุลาคม 2560 สี่โมงเย็น ยายสั่งให้เอารถออก จะไปตรวจการตลาดสด  หมาน้อยสองตัวไปรอที่โรงรถแล้ว มันรู้ได้ไงคนจะไปเที่ยวนอกบ้าน  เปิดประตูรถมันขึ้นก่อนคนเลย มีลูกชายแม่บ้านชื่อ กำปั้น เด็กโรงเรียนวัดโสธร ชั้น ป.1 ขอไปด้วย เลยมีสามคน สองหมา ตาพลขับเช่นเคย  ออกจากบ้านอากาศดีนะ ฟ้าแจ่งจ่างป่าง ไม่มีเมฆซักก้อน รถในถนนก็บางตา เลยมากันตามสบาย ๆ ไม่รีบร้อนผ่านมาทางหน้าศาลากลางเห็นรถและคนเต็มสนามหน้าศาลากลาง  คงเตรียมกิจกรรม วันปิยะมหาราชตัดออกด้านสนามกีฬา ตรงไปยังถนนจักรพรรดิ  ติดไฟแดง ฝั่งเราให้ 20 วินาที อีกข้างให้ 120 วินาที วันนี้มีรถติดไฟแดงกะเราคันเดียว อีก 3 เป็นมอเตอร์ไซด์ พวกเด็กยากจน ดูจากคนซ้อนท้าย กางเกงไม่มีขา เสื้อ ก็หมากกะแหล่ง ดูคงเป็นสาวแล้วนัดกันไปเที่ยวมั้งแต่งตัวคล้าย ๆกัน คนขับเป็นหนุ่มกางเกงยีนขายาวเสื้อคลุมมิดชิด โลกมันกลับตาลปัด คนอายกลับเป็นผู้ชาย สมัยก่อนตอนเรายังเด็กผู้ชายสวมกางเกงขาก๊วย เสื้อไม่ใส่อวดกล้ามเป็นมัด ๆ ไปทำงาน งานบุญถึงจะมีเสื้อย้อมครามใส่ โก้มาก ส่วนสาวนิยมใส่เสื้อย้อมครามแขนยาว ติดกระดุมแพรวพราว รวยน้อยก็กระดุมเขาวัวเจียนเองนะ มีฐานะหน่อยก็กระดุมสตางค์แดงบ้าง สตางดีบุกบ้าง เวลาไปงานบุญได้เห็นแหละ เขาจะใส่อวดกัน ส่วนพวกชอบใส่สายเดี่ยว คุณแม่คุณยาย เสื้อทรงกระบอก ติดสายเดี่ยว เรียกเสื้อหมากกะแหล่ง นิยมใส่อยู่บ้าน ทำงานคล่องตัวดี  เอชักจะออกนอกเลนไปไกลแล้ว ก็ไฟเขียวไม่มา รอไปฟุ้งซ่านไป
...........มอไซด์เบิ้ลเสียงดังพุ่งออกเมื่อไฟเขียวมา เราก็พลอยได้สติออกรถตาม พวกเขาไป เลี้ยวขวาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง อ้อพวกมันมาจอดรถถ่ายรูปบนสะพาน วิวสวยน่าถ่ายอยู่หรอก แต่นางแบบโป้มากไป ผ่านไป ไม่อยากดูอิจฉาพวกมัน จอดหน้าธนาคารกรุงไทยยายเขาไปตรวจตู้เอทีเอ็มครู่หนึ่งก็ผ่านไปได้ 57'สี่แยกพลาซ่า เลี้ยวซ้ายไปพนมสารคาม รถมากปานกลาง วิ่งได้สบาย ๆ ผ่านแยกเข้าวัดสมาน แยกบางคล้า จนถึงสามแยกหนองปลาตะเพียน มีทางแยกไปสัตหีบ ทางดีมาก รถไม่มาก ชอบ วิ่งรวดเดียวชนสัตหีบจะแวะที่เที่ยวก็มีนะ เขาชีจรรย์  วิหารเซียน บ่อโลมาโชว์ ถึงก่อนสัตหีบเที่ยวแล้วค่อยไปต่อยังได้  วันนี้ผ่านมาเฉย ๆ ไม่ได้คิดจะไปเที่ยวหรอก หกกิโลผ่านตลาดนัดหัวสำโรง วันนี้ไม่มีนัดว่างเปล่า อีกหกกิโลเมตรถึงสี่แยกทางเข้าไปนิคมอุตสาหกรรม เราเลี้ยวขวาหันหน้าไปทางสัตหีบผ่านตลาดสดทุ่งสะเดาวันนี้เป็นตลาดแห้ง ไม่มีแม่ค้าซักคน สงสัยไปรวมกันอยู่ที่ตลาดนัดทุ่งสะเดาที่เทศบาลเขาจัด ห่างกันแค่กิโลเมตรเดียวเอง แม่ค้าก็ต้องไป
.........ใช่จริง ๆสี่แยกทุ่งสะเดา ตลาดนัดวันนี้จัดที่นี่ สองหมาเฝ้ารถนะ ยายกับหลานชายไปก่อนแล้ว เราจัดการรถและหมาเสร็จค่อยตามไป ของเกะกะต้องเก็บกระดาษ วางรกไม่ได้หมาน้อยชอบเก็บมากัดเล่น น้ำดื่มเทใสกระบะไว้ให้ แบบนี้ไม่ค่อยเกเร ลงรถเข้าไปดูตลาดของสวนเจ้าของมาเอง กล้วย ไม่ติดราคาถามบอกหวี 15 บาท เราดูเฉย ๆ ลดให้ห้าบาท เอาไหม เอาแต่ไม่ใช่กล้วย อยากได้ข่าตะไคร้ ขืนซื้อไปก็ชนกันสิ ยายเขาดาราชอบกล้วยแผงนี้ผักนานาชนิด ผักหนาม ตำลึง มะระ เสม็ด ผักบุ้ง ผักหม หยิบมาสองสามอย่าง  อีกแผงเป็นผักจากตลาดที่อื่น มีผักกาดหอมที่ใช้ทำสลัดโรล ผักขาวปลี กวางตุ้ง กระหล่ำปลีผักบุ้งขาว คะน้า เลือกผักกาดหอมมาสองต้น เห็นยายบอกจะทำสลัดโรลให้กินหลายวันแล้ว ไม่เห็นลงมือซะที
.........เดินไปอีกเจอพวกปลาและเนื้อ นี้มั้งแบบที่เขาล้อเลียนกันเวลาเจ้านายเสด็จชมตลาดสด ถามดูราคาปลา แม่ค้าทูลว่า พวกยังมีพระชนม์อยู่แหวกว่ายไปมาก็ราคาแพงหน่อย ส่วนพวกสวรรคตแล้วก็ถูกลง วันนี้ก็เช่นกันในลังขังปลานิล ปลาดุก ปลาหมอ ปลายตายมีพวก ปลาตะเพียน ปลาสวาย อ้อมีปลาบึกด้วย เลือกเอาปลาแดด เดียวกิโลหนึ่ง ชอบกินปลาช่อนแดดเดียว พวกจ่อมก็ชอบเอาสองถุง กุ้งจ่อมถุง ปลาจ่อมถุง ชอบกินไม่กลัวท้องเสีย ก่อนกินเอาเข้าเวบก่อน ฆ่าเชื้อ อร่อยน้อยลงแต่สบายท้องดี  อีกแผงกุ้งนานาชนิด กองละ 50-80 วันนี้ไม่คิดจะกินกุ้ง เพราะทำไม่เป็น ไม่ใช่สิทำเป็นแต่กุ้งเต้นกุ้งคั่วเกลือ แค่นั้น แม่ค้าเขาบอก กุ้งแชบ๊วย กุ้งแม่น้ำ ถูก ๆ  อ้าวมีไข่ปลาตะเพียน ไข่ปลาจีน ใสจานวางไว้จานละ50-60 บาท ถูกนี่ ก่อนขายจานละ 100 บาท อยากเอาไปทำส้มไข่ปลาเหมือนกัน ตัดใจไม่ทำหละ
.......แผงขายกับข้าวเยอะเหมือนกัน ผัด แกง ต้ม ยำ ลาบ ส้มตำ คนอุดหนุนแน่นทุกแผงโดยเฉพาะแผงส้มตำคิวยาวมาก เลือกแจ่วพริกอ่อน กับแกงเปรอะหน่อไม้ และหมกไข่ปลา ผักนึ่ง เลือกตำลึงมัด ยอดมะระมัด กระเจี๊ยบ มะเขือ อ้อมีหมากส้มมอ(สมอ) เอา 2 ถุง เพกาเผาสุกแล้ว 1 ถุง ยิ่งดูยิ่งน่าจะเอาไปกิน สงสัยต้องรีบออกไปก่อนละ เอาของไปใส่รถ เอาหมาลงมาเดินปล่อยให้เยี่ยว กิดกินหญ้า ครู่ใหญ่ ยายถึงออกมา ได้ของเต็มหอบ หลานช่วยถือถุงน้ำแข็งเดินตามหลังมา ยายมาแย่งเชือกหมาไป นั่งป้อนไก่ย่างตัวละไม้ หมาคงชอบ เพราะตามไปโดยดี 


------------------
ไปเที่ยวตลาดนัดวัดเนินหิน
 -----------------
ที่อยู่ : วัดเนินหิน ตำบลเนินหิน อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
 --------------------------------------------------------
.........เช้าวันที่ 15 ตุลาคม 2560 ยายบอกให้พาไปตลาดนัดข้างถนนสายหนองปลาตะเบียน-สัตหีบ เลยตอบยายว่าถนนเส้นนี้ยาว เกิน 150 กิโลเมตร มีตลาดสด ตลาดนัดไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง แล้วจะไปตลาดตรงไหนล่ะ พูดมากตานี่บอกไปก็ไปสิ ความจริงคือแกไม่รู้ตลาดอยู่ตรงไหน แต่ลูกสาวเขาว่าและอยากไปด้วย ตาก็รอดตัวไป ไม่ต้อง
ไปสำรวจตลาดสดข้างทางให้เมื่อย 
.........อาโร่ อากี้ มาอาบน้ำลูก เสียงเรียกหมาไปอาบน้ำหลังบ้าน แสดงว่าจะเอาหมาตัวโปรดไปด้วย หมามันอาบน้ำหมักเชียวนะ เพราะยายเขาหมักไว้เยอะกว่า 30 ถังถัง 30 ลิตร ขึ้น ขายไม่ออกก็เอามาใช้ ทำปุ๋ยบ้าง ทำน้ำยาถูพื้นบ้าง แจกบ้าง ที่ทำน้ำยาอาบน้ำ แช่เท้า ก็มี สาระพัดประโยชน์จริง ๆ อาบน้ำเสร็ทาโร่ห่มผ้าวิ่งเข้ามาหาก็ยายเขาเอาผ้าเช็ดตัวพันรอบตัวมัน วิ่งมาหาให้เช็ดตัวให้ มาถึงก็วิ่งชนก่อนแล้วนอนกลิ้ง ไปมาให้สนใจ ก็จับเช็ดตัวเปิดพัดลมเป่าให้ คงชอบใจยืนให้เช็ดจนแห้ง จากนั้นก็วิ่งไปหายายที่กำลังเช็ดตัวให้คุกกี้ ตาเดินไปหยิบถังใส่อุปกรณ์เชือกรัดคอ สายจูงมาใส่ให้คุกกี้ก่อน สีส้มของเขา สีแดงของทาโร่ อย่าใส่ทาโร่ก่อน ไม่งั้นคุกกี้วิ่งหนีไปไม่ยอมให้ใส่ เออหมางอนก็เป็นนะ เรียบร้อยมันวิ่งไปรอที่โรงรถ หมาแบบไหนนี่
........คนเสร็จก็เกือบเจ็ดโมงมาขึ้นรถหน้าบ้าน หมาขึ้นก่อนแล้ว ออกจากบ้าน 07.15นาฬิกาเลี้ยวซ้ายไปตามถนนศรีโสธรติดใหม่ ถึงวิทยาลัยเทคนิด เลี้ยวขวาเพื่อตัดออกไปถนนจักรพรรดิ เลี้ยวซ้ายเพื่อไปยูเทิร์น ออกไปทางแม่น้ำบางปะกง ถนนยังโล่งอยู่สาย ๆ แน่นพอกับกรุงเทพ ฯ ทุกวันอาทิตย์ เขามาไหว้หลวงพ่อพุทธโสธรกัน มาถึง
บายพาส เราเลี้ยวซ้ายไปทางพนมสารคาม ถนนเส้นนี้คือทางกลับบ้านเราที่จังหวัดเลยมาบ่อย มาสักสอง กม. ร้านขายไก่ย่างเจ้าประจำ ผ่านยาก ยายฝึกกินซ่นตีนจนติดใจก็ร้นนี้แหละ วันนี้ก็คิดเช่นเคย เลงไปหาเครื่องใน ตับ กึ๋น ได้มาถุงใหญ่ มีข้าวเหนียว แจกกับซ่นตีนและกึ๋น สี่คนก็สี่ถุง ส้วนหมาสองตัวมันชอบกินตับ ทั้งที่เมื่อก่อนกินซ่นตีนเหมือเรา แต่ตอนนี้มันกินแต่ตับ ข้าวเหนียวไม่ต้อง เลยแอบด่ามันในใจ
......มีของกินก็ไม่สนใจทางแล้ว คนขับดูเองแล้วกัน ผู้โดยสารมีคารทำ แทะซ่นตีนไก่กับข้าวเหนียว กึ๋น ตับ ไม่ขอบ ให้คนอื่นไป หมดไปสองไม้ อิ่มมาก ๆ เพราะแบบนี้แหละยายถึงไม่อยากชวนไปเที่ยวกับเพื่อน ๆไฮโซ เขา กลัวไปแทะไก่ย่างให้เขาเห็นนั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้เหรอ เหลือยายก่อนเราถึงได้รับอานิสงส์ มีไม้เดียวยายยึดเลยเป็น งั้นไป อ้อมีร้านเดียวนี้เท่านั้นนะที่ย่างไก็ได้ถูกใจยาย ลองเปลี่ยนหลายร้านแล้วยังไม่พบว่าเทียบเท่า เรานั่งรถไปป้อนหมาทาโร่ ยายป้อนคุกกี้  มันอิ่มก่อนเราค่อยกินที่ต้องป้อนเพราะปล่อยกินเองเลอะหมด ป้อนน่ะดีแล้ว อิ่มเสร็จเช็ดปากให้ด้วยนะก็ปากมันขนเยอะกินทีไรเลอะทุกทีแหละ ยายมองค้นขวับ ๆ หมั่นใส้  ทาโร่เชิดปากด้วยทิชชู่ แล้วมันก็นอนสบาย ๆ ไป
.......วิ่งมาถึงสี่แยกเนินหิน เลี้ยวขวาก็เข้าอำเภอพนัสนิคม เราตรงไปสัก 100 เมตรประตูวัดเนินหิน ต.หนองเหียง ตอนนี้เห็นเปลี่ยนเป็นตำบลหนองหิน แสดงว่าชุมชนเจริญมากขึ้นเลยยกฐานะเป็นตำบล มีรถจอดริมถนนหน้าวัดเต็ไปหมด พอดีมีรถออกคันหนึ่งตรงหน้าเรา เลยได้โอกาสสวมรอยทันที จอดรถเรียบร้อย สองหามีหน้าที่เฝ้ารถ ไม่ต้องลงคนเยอะ ยายกับลูกสาวและหลานชายไปทาง ส่วนเราไปอีกทางเราเดินช้าชอบดูอะไรนาน ๆ ส่วนพวกเขาฉับไวไม่ชักช้า พกโทรศัพท์ไว้จำเป็นค่อยโทร.ตาม
.......ลงไปเดินดูเงยหน้าขึ้นอ้อ ประตูวัดเนินหิน ไกลไปโน่นก็พระอุโบสถ และกุฏิพระ ใช่วัดแน่นอน ซ้ายขวาติดกำแพงวัด แผงขายสินค้านานาชนิด พวกก๋วยเตี๋ยว ขนมจีนลาบเป็ดก็มีด้วย ส้มตำมาแต่เช้าเชียว ขายดีซะด้วย ดูหน้าคนซื้อคงเป็นคนบ้านเดียวกันไทอีสานแน่ สมัยก่อนความเชื่อนี้ใช้ได้ เดี๋ยวนี้ไม่ขลัง แม่ค้าส้มตำข้างบ้านแกบอกพวกพม่าเขมร เป็นลูกค้าสำคัญ กินเผ็ดกว่าเรา ๆอีก ไม่เถียงหรอก แม่บ้านคนมอญเต็มร้อยแต่มันทำแจ่วบองอร่อย ตำส้มก็อร่อย ที่ยอดมากคือแก่งอ่อมผักตบใส่หนังควายมันทำให้ตากินยังกะตาทำเอง เพราะมันถามซะทุกบรรทัดนี่ จำเก่งด้วยนะ ทำอีกทีไม่ต้องถาม ทำได้ดี แผงขนมก็เยอะนะ ไปดูข้างในก่อน
.........โผล่เข้าไปเจอแผงขายเสื้อผ้า ทั้งผ้าใหม่ ๆ เก่า ๆ และเก่ามาก ๆ ราคาก็ตามความใหม่ ใหม่มากก็แพงมาก ใหม่น้อยก็ราคาเยาว์ มีมากพวกขายเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์โทรศัพท์ เครื่องประดับ ตุ๊กตา ถ้วยชามเครื่องครัวต่าง ๆ  เลยไปด้านหลังเจอพวกเครื่องเหล็ก มีด จอบ เสียม ตะขอ กรรไกร ราคาไม่แพงมีอยู่ห้าหกแผง ถัดไปก็พวกของเก่าเครื่องมือช่าง ชิ้นส่วนเครื่องจักรเครื่องกลต่าง ๆ นี่มันตลาดคลองถมย่อม ๆนี่เอง เดินดูไป ไม่รู้จะซื้ออะไร แม่ค้าพูดดีก็ชมนานหน่อย ไม่ค่อยยิ้มก็รีบ ๆผ่านไป ก็เรามาชมตลาดนี่นา ไม่ได้มาซื้อของ เจอแม่ค้าขายเก่งได้ซื้อไฟฉายกระบอกหนึ่ง เวลาไฟดับหาเทียนไม่ค่อยเจอ ห้องพระก็ไม่ใช้เทียนธูปแล้ว บอกเหม็น อ๋อคนไม่ใช่พระพุทธรูปบ่น  ยิ่งห้องติดกระจกนั่งนานจะเป็นลมเลยไม่ใช้ อ้อใช้ธูปเทียนไฟฟ้ากัน เวลาไปดับเลยไม่มีเทียนไง
........เดินวนรอบหนึ่งพอดี ไม่เห็นยายกับลูกหลาน เลยเดินออกมาทางหน้าวัด คนยังแน่นเช่นเดิม ชมแผงลอยพ่อค้าแม่ค้าไปเรื่อย ๆ เจอสาวแม่ค้าขายขนมชั้น กำลังจะซื้อเธอชี้มือไปทางถนนบอก พี่คะมีคนเรียกพี่ใช่ไหม แหมชื่นใจจังมีคนเรียกพี่ หน้าตาดีนะอายุสัก 50 เศษ มองตามก็พบยายเรียกเรานั่นเอง บอกขอบคุณน้องเขาแล้วก็อำลาจาก
..........ห้าโมงครึ่งจบรายการทัวร์เยี่ยมบ้านเพื่อนยาย จะกลับละ หิวข้าวยายงัดหมูปิ้งข้าวเหนียวมากินกัน แบบนี้กลับบ้านได้เลยไม่ต้องแวะทานข้าวที่ไหนยาก จะกลับไปขึ้นทางด่วนก็ไปไม่ถูก เลยขับมาทางถนนแจ้งวัฒนะ-หลักสี่ รถติดขนาดหนักวิ่ง 1 ชั่วโมงเจอถนนวิภาวดี เลยเลี้ยวซ้ายผ่านมาทางดอนเมือง รังสิต จะไปสะพานใหม่ ลำลูกกา แถวนี้มาบ่อยสมัยลูกสาวยายเรียน ม. รังสิต ไม่นานก็ขึ้นถนนสายไปลำลูกกา11 กม.ทางด่วนหมายเลข 9 นั่นแหละที่หนีรถติดจะไปที่นั่น รถว่าง ๆเดียวเดียวก็ขึ้นทางด่วนได้ มาบ่อยไม่มีด่านเก็บเงิน โน่นแหละทับช้างถึงจะมีด่านเก็บเงิน สามสิบบาท ยังกะบัตรไปพบหมอ  รถเยอะมีแต่คันใหญ่ เกินสิบล้อแน่ ๆ แถวละ 4 ล้อ ติดกันสองแถวก็แปดล้อ พ่วงหลังสองแถวก็สิบหกล้อแล้ว ส่วนหัวอีก รวมแล้วน่าจะถึงยี่สิบล้อ โห มันยาวใหญ่มาก แต่วิ่งยังกะรถสองแถว ไวมาก รถเราวิ่งไปช้า ๆ เป็นเพื่อนรถใหญ่ ๆ พวกนี้แหละ ยายบอกรำคาญ แซงไปเถอะ ครับ แซงได้ไปวิ่งเล่นกลาง ๆกลุ่ม ยายท้วงเร็วเกินไปนะคุณ แหม 120 เอง คันอื่นเขาแซงเราไปหมด ตอนวิ่งกะสิบล้อนั่นแหละวิ่ง 100 กม.ต่อชั่วโมงละ ก็ยายบอกช้าให้แซง ก็ต้อง 120 สิ
........ชวนทะเลาะกันมาไม่นานก็ออกทางด่วนสิบแปดกิโลเมตรถึงบ้านสบาย ๆ เปิดไฟสูงส่องตาหมาน้อยสองตัว มันยืนเกาะประตูกรงเหล็กเห่าทักทายแสดงว่าจำเสียงรถได้ ยายลงรถได้รีบไปส่งของฝากไก่ย่างต้องเตือนรีบ ๆนะตัวใหญ่มี 4 ตัวเขาปล่อยแล้วทำหน้าที่เวรยามกลางคืนจบการเดินทางที่แสนจะเหนื่อย คืนนี้คงหลับยกเดียวซอด
แจ้งแหงเลย  จบละครับ

 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น