วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2562

อานิสงส์ศีลห้า



ขุนทองศรีประจง และคุณธนัญธร ณรงค์หนู ภรรยา

 สีเลนะ สุคะติง ยันติ  (ไปสุคติ กันเถอะ )
.....กระผมสมาทานสิกขาบทห้าข้อเหล่านี้ พระท่านบอกว่า โยมจะไปถึงสุคติได้ด้วยศีล จะสั่งสมโภคสมบัติได้ด้วยศีล และจะเข้าถึงนิพพุติได้ก็ด้วยศีล คงจะเป็นเรื่องจริง เพราะท่านบอกอย่างนี้มาแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ทุกวันนี้ก็ท่านยังยืนยันอยู่ว่าถ้าปฏิบัติศีลห้าข้อแล้ว จะได้รับอานิสงส์ทั้ง 3 ประการ แต่นั่นแหละ กระผมยังสงสัยอยู่นะว่าจริงแค่ไหน จะขอนำมาศึกษาเพื่อทำความเข้าใจทีละประเด็น.
.....ปฏิบัติศีลแล้วทำให้ ยันติ (ไป ถึง) สุคติ (ทางดำเนินที่ดีงาม) หมายความเราผู้ปฏิบัติศีลทั้งห้าข้อ จะไปยังสุคติได้ เคยเทศน์ให้อุบาสกอุบาสิกาที่มาจำศีลฟัง บ่อย ๆ ว่า สุคติตรงนี้ไปได้ทันทียังไม่ต้องรอให้ตายก่อนนะ ก็หัวเราะกันทั้งศาลาแหละนึกว่าเราล้อเล่น ก็เลยถามว่า "อาศัยอยู่ที่ไร่ที่นา กับอาศัยอยู่ที่บ้าน อันไหน สบายกว่ากัน"...อยู่บ้านสบายกว่าเจ้าค่ะ... "นั่งอยู่บนศาลานี่ถือว่าอยู่บ้านได้ไหม" ...ได้ครับ "แล้วจำเป็นต้องปรารถนาให้ได้อยู่บ้านอีกไหม".... ไม่ต้องเจ้าค่ะ "ทีนี้ถามว่า ถ้าโยมอาศัยอยู่สุคติแล้ว ยังต้องปรารถนาขอให้ได้ไปเกิดสุคติในโลกหน้า จำเป็นไหม"....ไม่เจ้าค่ะ ..... "รู้จักสุคติไหม" ......ก็สวรรค์ พรมโลก ไงเจ้าคะ
.......สนทนากับคนมาจำศีลหลังเทศน์ให้ฟังหนึ่งกัณฑ์ สังเกตคำตอบ สุคติของชาวบ้านมีแค่ 3 คือ สวรรค์และพรหมอีก 2 ลืมสุคติที่สำคัญอย่างยิ่งคือ มนุสสโลกสุคติ ๔ ประกอบด้วย ๑ มนุสสโลก ๒ สวรรค์โลก ๓ รูปพรหมโลก และ ๔ อรูปพรหมโลก ถามอีกครั้งว่า ตอนนี้โยมเกิดอยู่ในมนุสสโลก เป็นสุคติ หรือ ทุคติ เป็นสุคติเจ้าค่ะ ครับคำถามก็จะโยงมาให้รู้ว่า มนุสสโลกคือดินแดนที่เป็นสุคติ นั่นคือ กระผมและท่าน ต่างก็ยืนอยู่ในสุคติที่ชื่อ มนุสสโลกกันแล้ว
.......ถึงจะยืนอยู่บนมนุษยโลกแล้วก็จริง แต่จะเป็นสุคติได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเราถ้าไม่มีศีลกำกับตัวเอง พฤติกรรมกายวาจาและใจ ก็จะไหลไปทางอกุศลได้ง่าย การกระทำมีทั้งสิ่งที่ดีงาม และไม่ดีปนกันไป บางคนก็อาจตกไปในทางชั่วไปได้ง่าย สุคติที่หวังก็กลายเป็นทุคติแทน ถ้ามีศีลติดตัวศีลจะคอยเตือนมิให้หลงไหลไปกระทำบาปกรรมผลกรรมดีงามก็จะมีมากกว่า มนุษย์โลกก็จะเป็นสุคติได้ เพราะทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง และดีงาม ที่พระท่านว่า สีเลน สุคติง ยันติ ก็เป็นเรื่องจริงและเกิดได้ในปัจจุบันนี่แหละอุตส่าห์มายืนบนสุคติแล้ว มาทำให้มันเป็นสุคติจริง ๆเถอะ ถือศีลห้าพกติดตัวตลอดเวลาอยู่บ้านมีศีล ไปโรงเรียนมีศีล ไปทำงาน มีศีล มนุสสโลกก็จะได้เป็นสุคติอย่างสมบูรณ์ ใชไหมขอรับ สวัสดี

สีเลนโภคสัมปทา
.........ปัจจัยจำเป็นคืออาหาร สมัยก่อนทำไร่ทำนา มีข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ ครอบครัวมีอาหารไม่อดอยาก เหลือบริโภคยังได้ขายเอาเงินไปแลกสิ่งของจำเป็นอื่น ๆได้ด้วย แต่ในสมัยปัจจุบัน ไร่นาที่พ่อแม่เคยมี ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่เพียงพอจะบริโภคกันแล้ว ปัจจัยด้านอาหารจึงต้องอาศัย ธนทรัพย์ ไปแลกเปลี่ยน คนรุ่นใหม่ตจึงมองหาช่องทางที่จะเกิดทรัพย์คือเงินทองแทนมองหาไร่นา
.........ปัจจัยจำเป็นอื่นๆคือ เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ทำเองยากแล้ว เช่นก่อนเรามีไร่ฝ้าย มีสวนหม่อนเลี้ยงไหม ท้อผ้าเอง ที่อยู่อาศัยก็สร้างบ้านเอง มีไม้ให้ใช้สอยเพียงพอ เดี๋ยวนี้ต้องพึ่ง ธนทรัพย์ เช่นกัน เจ็บป่วย ก่อนเคยเห็นห่อยาประจำบ้าน มีพวกรากไม้ กระดูก เขา หอย แยกเป็นห่อเล็กรวมกันเป็นห่อใหญ่ เจ็บป่วยนิดๆหน่อย ๆ ก็ใช้ยากลางบ้านนั่นแหละ ถ้าเป็นมากก็ต้องพึ่งหมอยาใหญ่ประจำหมู่บ้าน ปัจจุบันโรคภัยก็พัฒนาไปมาก ยากลางบ้านเอาไม่อยู่แล้ว ต้องพึ่งหมอ โรงพยาบาล ธนทรัพย์อีกนั่นแหละจำเป็นต้องสั่งสมไว้ให้มากพอ
.........ธนทรัพย์กลายเป็นปัจจัยจำเป็นแทน โภคสมบัติ สามารถนำไปใช้แลกโภคสมบัติได้ทุกชนิด ใช้เงินทองแลกอาหาร แลเครื่องนุ่งห่ม แลกที่อยู่อาศัย และใช้จ่ายเพื่อการเยียวยารักษาสุขภาพ การหาเงินจึงเป็นสิ่งจำเป็นการทำงาน การประกอบอาชีพต่าง ๆ จะต้องมีค่าตอบแทนเป็นธนทรัพย์ หรือมีค่าเทียบกับธนทรัพย์ได้ เช่น แรงงานก็จะมีอัตราค่าจ้างบอกให้รู้ว่าทำงานอย่างนี้ค่าตอบแทนกี่มากน้อย ทำอาชีพนี้ค่าตอบแทนต่ำหรือสูง กล่าวได้ว่าการประกอบอาชีพทั้งหลายมักจะมีธนทรัพย์ให้เทียบเคียงได้ อาชีพไม่ยุ่งยาก ใช้แรงงานก็ทำได้ ค่าตอบแทนธนทรัพย์ก็อาจต่ำ อาชีพที่ยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้แรงงานแรงสติปัญญามาก ค่าตอบแทนก็แพง
.......การแสวหาธนทรัพย์เพื่อใช้จ่ายสำหรับ โภคทรัพย์ต่าง ๆ ใช้แรงงามทั่วไป ค่าตอบแทนไม่สูง ถ้าใช้แรงงานด้วย แรงสติปัญญามากด้วย ค่าตอบแทนก็แพง ธนทรัพย์ที่หามาได้ ก็สัมปทา สั่งสมไว้ได้ตามกำลัง ถ้ามี สีเลนะ ก็ดีหน่อยช่วยให้ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปโอกาสสั่งสมธนทรัพย์ก็ทำได้ดี มีเพิ่มพูนได้เรื่อย ๆ ตรงข้ามขาดสีเลน หรือทุศีล โอกาสจะหลงไปทางอบายมุข เป็นนักเลง การพนัน ก็มีมาก ทำให้การสะสมธนทรัพย์ทำได้ยาก คนที่สัมปทาโภทรัพย์ได้จนมั่งคั่งร่ำรวย มักเป็นคนมีศีล หากทุศีล แม้จะครอบครองธุรกิจค่ามากมายก็อาจรักษาไว้ไม่ได้และเสื่อมไปในที่สุด
.......ศีลช่วยให้ไม่ต้องจ่ายทรัพย์ที่เกิดจาก การล่วงละเมิดศีล ปาณาติปาตา ไม่ต้องตบตีฆ่าฟันจนต้องจ่ายทรัพย์มากมายเพื่อรักษาการบาดเจ็บ การตาย ศีลช่วยไม่ให้ต้องรับโทษจากการละเมิด อทินนาทาน การลักทรัพย์ การคดโกง ทุจริตคอรัปปชั่น โดนเข้าแล้วค่าใช้จ่ายสูงมากอาจต้องเสียเวลาถูกจำจองนับเป็นค่าใช้จ่ายแพงมาก ๆ ศีลช่วยให้เคารพกรรมสิทธิ์ครอบครัวผุ้อื่น หากล่วงละเมิดค่าใช้จ่ายธนทรัพย์จะมากมายจนแทบหมดตัว ต้องทุ่มสักเท่าไรเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักแบบชู้สาว ยิ่งเป็นคนต้องห้าม เมียเขา สามีเขา ค่าใช้จ่ายยิ่งแพงมาก บางทีก็จ่ายด้วยชีวิตก็เคยเห็น ศีลช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือ เมื่อไม่มีมุสา จะพูดจา จะทำการงานก็ตรงไปตรงมา เชื่อถือได้ เป็นประโยชน์ต่อการคบค้าสมาคม ศีลจะช่วยให้คนไม่มึนเมาสุราและเมรัยต่าง ๆ ทำให้มีสติมั่นคงก็คือไม่ประมาทแบบพระท่านว่า ปมาโท มตัง ปทัง ความประมาท เป็น บท แห่งความตาย ส่วน อัปปมาโท อมตัง ปทัง ไม่ประมาท เป็น บท อมตะ คือไม่ตาย นี่คืออานิสงส์ของศีลห้า
.......สรุปว่าการปฏิบัติศีลห้า ของคนที่ทำมาหากินทุกอาชีพ จะช่วยให้ทำมาหากินได้อย่างเหมาะสม สามารถส่งเสริมการเก็บออมได้เป็นอย่างดี อันเป็นบท หรือหนทางนำไปสู่การสะสมโภคสมบัติได้นั่นเอง คำพระที่ว่า สีเลน โภคสัมปทา คนจะสั่งสมโภคสมับติได้ ด้วยศีลก็มีความหมายเช่นนี้เอง เกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน ไม่ต้องรอชาติหน้าครับ สวัสดี

สีเลน นิพพุดิง ยันติ

......เรา ยันติ (ไป ถึง) นิพพุติ ได้ เพราะศีล ชอบความหมาย "ถึง" มากกว่า "ไป" ทีนี้เหลือคำ "นิพพุติ" คืออะไรกันแน่ หลายท่านบอกแปลว่า นิพพาน บางท่านแปลว่า ดับ เย็นถ้าแปลว่า นิพพาน ก็จบ ชาตินี้ไม่มีวัน ยันติ แน่ ต้องรอโน่นสมัยพระศรีอาริยเมตรตรัยมั้งถึงจะมีวาสนาได้ นิพพานบ้าง แต่ปฏิบัติศีล ต้องการผลปัจจุบัน คำแปล ดับ เย็น เกิดได้ ไม่ต้องรอนาน ดังนั้นในข้อเขียนชุดนี้ ขอใช้ความหมาย ดับ เย็น เป็นความหมายของ นิพพุติ
......สีเลน นิพพุติ อะไรได้บ้าง พวกเราส่วนมาก ปฏิบัติศีลห้ากัน ศีลห้าเป็นกิจกรรมเว้นวิรัติ เวรห้าประการตามใจความศีลแต่ละข้อนั่นแหละ ถ้าละเมิดศีลแต่ละข้อก็จะเกิดเวรว่าด้วยกิจกรรมการล่วงละเมิดนั้นขึ้นกับเรา ปฏิบัติศีลแต่ละข้อ จะเว้นจาก เวรอะไรบ้าง
.........ศีลข้อ ๑ เว้นจากเวรที่เกิดจาก ปาณาติบาต ไม่ร้อนรนด้วยบาปจากการฆ่า
.........ศีลข้อ ๒ เว้นจากเวรที่เกิดจาก อทินนาทาน ไม่ร้อนคนด้วยบาปจากการลักขโมย
.........ศีลข้อ ๓ เว้นจากเวรที่เกิดจาก กาเมสุมิจฉาจาร ไม่เดือดร้อนเพราะบาปการล่วงละเมิดกาม
.........ศีลข้อ ๔ เว้นจากเวรที่เกิดจาก มุสาวาท ไม่เดือดร้อนจากบาปมุสาวาท
.........ศีลข้อ ๕ เว้นจากเวรที่เกิดจาก การดื่มสุราเมรัย ไม่เดือดร้อนเพราะบาปจากการดื่มสุราเมรัย
.........เมื่อไม่มีเวรจากกิจกรรมทั้งห้า ด้วยอำนาจแห่งศีล ดับความเร่าร้อนจากบาปกรรมทั้งห้าประเภทก็ไม่รุกรนเรา ความสงบ เย็นใจก็เกิดมีนั่นเอง
.........สีเลน ที่จะดับร้อนได้ ต้องเป็นศีลที่ถือปฏิบัติ ไม่ใช้ศีลแบบ จำศีล จำแบบจดจำ หรือไปเข้ากิจกรรมจำศีล ยังไม่มีพลังพอจะช่วย ดับร้อน หรือทำให้เย็นใจได้ มีคำสำคัญที่ควรทำความเข้าใจสองคำ คือ จำศีล กับถือศีล จำศีลความหมายคือจำได้ทั้งห้าข้อจำแบบนี้ดี จะช่วยให้รู้ว่าต้องเว้นกิจกรรมไหนบ้างที่จะทำให้ศีลมัวหมองหรือศีลขาดได้ การจำศีลอีกความหมายเป็นกิจกรรมที่คนสมัยก่อนนิยมไปพักแรมที่วัดในวันศีล ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ไปแต่เช้ามืด รับศีลแปด แล้วถือปฏิบัติกันตลอดวันตลอดคืน เช้าวันรุ่งขึ้นก็คืนศีลแปด รับศีลห้ากลับบ้านเรียกไปจำศีล
........สีเลน แบบปฏิบัติศีลคือการถือศีลทั้งห้าข้อ เอาติดตัวไว้ ไปไหนเอาไปด้วยอยู่บ้านก็ถือศีล ไปนอกบ้าน ไปทำงานก็ถือไปด้วย เจอสิ่งจะทำให้ศีลขาด สติตัวบริหารศีลจะทักท้วงทันทีว่า "ไม่ได้นะ ศีลข้อ..จะขาดหรือด่างพร้อย เวรมณีเสีย" เจอช่องทางจะโกงทรัพย์สินก็จะถูกทักท้วง เจอสาวสวย ๆจะจีบมั่ง ศีลข้อสามก็มาขวางไว้ แบบนี้เองศีลที่ถือไว้กับตัว จึงเป็นศีลที่มีค่ามาก ช่วยดับร้อนและทำให้เกิดสงบเย็นได้จริง
........สีเลน นิพพุตัง ยันติ ถึงนิพพาน ด้วยศีล หลายท่านนิยมแปลตรงตัว แปลแบบนี้ก็คงรอชาติหน้าแหละ ขนาดพระถือ 227 ข้อ ยังไปไม่ค่อยถึงนิพพานเลย โยมศีลห้าข้อ จะไปถึงได้อย่างไร แค่คิดก็ยากแล้ว
........ขอสรุปแหละครับ สีเลน นิพพุติง ยันติ พระสอน แนะนำ โยมเรานี่แหละว่า พวกเจ้าจะ นิพพุติง ได้ เพราะศีลนะ จากการพิจารณาคำที่พระท่านว่า หมายถึงชาตินี้แหละ ไม่ใช่ชาติหน้า ชาติไหน เพราะ
นิพพุติมีความหมายว่า ดับความร้อนรน จากกิเลส หมายความเย็นใจที่เกิดจากการถือปฏิบัติศีล มาถือ

ศีลกันเถอะครับ และอานิสงส์ นิพพุติง จะเกิดแก่เรา แล้วจะได้รู้กันว่า นิพพุพิ ที่แปลว่าดับความร้อนรน เย็นใจ มีค่ามากแค่ไหน สวัสดีครับ

ตัสมา สีลัง วิโสธเย

......ฉะนั้น เรามาชำระศีล(ให้บริสุทธ)เถิด   การชำระหมายถึงระมัดระวังมิให้ล่วงละเมิดศีล เรานั้นแหละ  ที่ต้องระมัดระวัง ตื่นมาก็ต้องเรียกหาศีลมาถือไว้ ใช้สติสัมปชัญญะอยู่กับตัว จะทำกรรมใด ๆมโนกรรม  วจีกรรมหรือมโนกรรม ก็มีสติเสมอ สติจะช่วยให้เรารู้สึกตัว ไม่ประมาท พบเรื่องที่จะทำให้ศีลขาดก็รู้  และละเว้นได้ ศีลข้อนั้น ๆ ก็ไม่บกพร่อง ไม่ขาด เรียกว่าชำระศีลให้สะอาด ดังนั้นการชำระศีลจึงเป็น   การปฏิบัติตนแบบคนมีศีลนั่นเอง ทำบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย เราก็จะได้รับประโยชน์จากศีลครบถ้วนและสมบูรณ์ ทั้งการนำเราไปถึงสุคติ  ทางดำเนินชีวิตที่ดีงามนำไปถึงการสั่งสมโภคสมบัติที่มีประสิทธิ     ภาพ ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย การละเมิดศีลทั้งห้าเรื่องมักจะมีค่าใช้จ่ายสูง กระทบต่อ โภคสัมปทาไม่      น้อยถ้ามีศีลก็ลดการการใช้จ่ายได้มาก และที่สำคัญยิ่งคือ การเข้าถึงนิพพุติ ดับกิเลสที่เข้ามารบกวน   เราโลภ โกรธ หลงผิด จะช่วยให้ใจเราไม่มัวหมองด้วยกิเลส เป็นใจที่ผ่องใส ความสุขความเจริญ ก็
เกิดได้ง่าย จึงควรชำระศีลให้หมดจดทุกวันเวลาครับ สาธุ

...............................................................ขุนทอง ศรีประจง ผู้เขียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น