วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

อนุชีวประวัติ ตอน 1

                                                                 
                                                             สาวชวนไปเที่ยวตราดปีที่แล้ว
                                           
........วันเด็ก 2562 เขียนรำลึกถึงความหลัง กลายเป็นเล่าชีวประวัติ เป็นเพียงบางส่วน เรียกอนุชีวประวัติคงได้มั้ง เพราะชีวประวัติคงต้องเขียนละเอียดกว่านี้ ก็เขียนเล่นน่ะครับ 
                                                                             ขุนทอง ศรีประจง
                                                                                    12 มค. 2562



                                                             รำลึกถึงความหลัง

รำลึกถึงความหลังครั้งเยาว์วัยประมาณได้สิบขวบตามวิถี
ยังมิเกิดวันเด็กยังไม่มีเรียนอยู่ที่โนนสังวิทยา
ปีสองสี่เก้าแปดเรียนมอหนึ่งยังตราตรึงเหตุการณ์นานนักหนา
ปีสองสี่เก้าเก้าค่อยมีมาเขาเรียกว่าวันเด็กยังงุนงง
ครูสั่งให้เข้าแถวเดินขบวนท่านชักชวนที่ว่าการจุดประสงค์
ไปพบนายอำเภอเป็นมั่นคงจำได้ธงเขียวเหลืองของโรงเรียน
เขาถือคู่ธงชาตินำขบวนมิเรรวนเรียบร้อยสถิตเสถียร
ยืนนิ่งฟังโอวาทนับจำเนียรบ้างก็เพียรยืนหลับคำนับไป
โดนมะเหงกเคาะหัวกลัวก็ตื่นกลับมายืนตรงบ้างยังสงสัย
เขกหัวกูอยากรู้มันเป็นใครข้าเองใหญ่พอตัวไม่กลัวมึง
เสียงคุณครูประจำชั้นเพื่อนฟัวร่อจำต้องหงอเงียบไปไม่กล้าอึง
โดนอีกทีสามคราเพื่อฮาตึงแถมโดนดึงหูเจ็บนี่กระไร
นานสักครึ่งชั่วโมงโอวาทจบก็ถึงพบอิสระทำไฉน
ครูเขาปล่อยตามสบายชวนกันไปกลับบ้านไงเจ็ดกิโลโถสุดเพลิน
มีทางลัดตัดตรงไปถึงบ้านลัดเลาะผ่านป่าไม้ดังเขาเขิน
พวกป่าไผ่เต็งรังมันเจริญรกชัฏเกินแต่ชอบสนุกดี
คล้องกะปอมตลอดทางช่างขยันเล่นติดพันชอบใจในวิถี
จนบ่ายคล้อยหิวข้าวมิรอรีก่อไฟซีย่างกะปอมมากินกัน
เปิดห่อข้าวแจ่วบองต้องมีครบเป็นระบบมีประจำนำมาสรรพ์
ผักกระโดนสะเม็ดเด็ดมาพลันฝาดรสมันอร่อยดีทานคนเดียว
อิ่มบุกป่าฝ่าดงจับกระปอมจวนค่ำพร้อมถึงบ้านชักหวาดเสียว
กลัวโดนดุเถลไถลทั้งวันเชียวแม่ยิ่งเฮี้ยวดุเก่งทำปากดี
พอดุเสร็จข้าวปลาอาหารพร้อมแม่มิยอมให้หิวอย่ากลัวหนี
ดุด่าเสร็จได้กินเป็นทุกทีมิเคยตีแค่หวดลมข่มให้ดู
ช่วงเข้าเรียนมอหนึ่งที่โนนสังไปพักยั้งบ้านเขาอายอดสู
ยากปรับตัวทำไฉนมิใครรู้มิมีครูสอนให้เด็กในเมือง
ต้องหาบน้ำใส่ตุ่มกลุ้มจริงนักเดินไปตักสองกิโลให้นึกเคือง
ทำกิจบ้านการเรีอนมิได้เรื่องเขาว่าเปลืองข้าวน้ำเลี้ยงมากมาย
เก่งแต่เล่นเลิกเรียนมันเมามัวชอบทำตัวไร้สาระมันกระหาย
ชอบเล่นหมากเกมกระดานดูวุ่นวาย คุณผู้ชายในตลาดชอบเล่นกัน
เลิกเรียนผ่านยืนดูจนรู้หมดฉลาดกฏกติกาจนน่าขัน
พอเขาว่างลองเล่นจนติดมันมัวติดพันอยากเล่นเกมยึดครอง
เอาชนะผู้ใหญ่เกมหมากฮอร์สมันสุดยอดลุงชอบตอบสนอง
เจอหน้าชวนเล่นหมากอยากจับจองแพ้เด็กต้องแก้มือเขาถือกัน
เลยต้องช่วยลุงแก้กันบ่อยบ่อยเจ้าเด็กน้อยมีชื่อลือเล่าขัน
แพ้เจ้าเด็กมอหนึ่งนี่สำคัญแต่เด็กมันเอาจริงไม่เบามือ
บางร้านยังยอมแพ้ไม่แก้แล้วโดนเพื่อนแซวกลัวเด็กมิกล้าหือ
เล่นจนเขาให้นามว่าเด็กดื้อจนได้ชื่อแก่แดดเป็นรู้กัน
เป็นเด็กบ้านเศรษฐีไม่ดีนักมิรู้จักกิจบ้านงานเสกสรรพ์
โดนบ่นว่านานาสาระพันมินานวันต้องลามาเดินเรียน
เจ็ดกอมอไกลหน่อยพอทนไหวเช้ามืดไปเดินนานเพื่ออ่านเขียน
เดินอยู่สองสามเทอมมีเพื่อนเพียรรุ่นน้องเปลี่ยนชื่อเขาร่วมทางเดิน
ขึ้นมอสามชวนกันไปอยู่วัดพ่อก็จัดฝากให้มิได้เขิน
เป็นศิษย์วัดทุ่งสว่างทางดำเนินดีเหลือเกินฝึกงานได้มากมาย
ทั้งหลวงพี่หลวงพ่อท่านเรียกใช้ตักน้ำใส่ตุ่มเต็มสนุกหลาย
ไปหาบน้ำถึงไกลไม่วุ่นวายชอบกรีดกรายอวดสาวผิวขาวนวล
ที่บ่อน้ำรอคิวช่วยตักให้ส่งทรามวัยเรียบร้อยค่อยเหหวน
ตักของตัวเร็วไวไม่เรรวนพรรคพวกชวนหาบน้ำกลับวัดไป
ทำวัตรเช้าจัดการสถานที่ตามหลวงพี่ทำวัตรขัดนิสัย
เตรียมบาตรส่งมือท่านให้เร็วไวท่านจักได้โปรดสัตว์วัตรประจำ
กลับมากวาดลานวัดขจัดขยะมินานกะไปรับมิถลำ
พระท่านกลับรับบาตรอุ้มเดินนำกิจกรรมตักบาตรบนศาลา
ตอนเช้าเช้าโยมเขาจะตักบาตรค่อยจัดถาดสำรับกับข้าวหนา
เจ็ดโมงเศษพระขึ้นรีบเข้ามาจัดน้ำท่าถวายก่อนรอรับงาน
เขาเรียกให้ไปยกของถวายมิวุ่นวายปกติเชิญเรียกขาน
พวกเด็กวัดเราขยันทุกกิจการดังลูกหลานตายายท่านเมตตา
พระฉันเสร็จสำรับยกกลับให้คุณยายได้จัดการเรียบร้อยหนา
ส่งถ้วยชามถาดเปล่าให้เรามายกไปท่าสระน้ำล้างให้ดี
จัดใส่เข่งยกไปได้ผึ่งแห้งคุณยายแจงสำรับตามวิถี
แบ่งให้เด็กวัดด้วยท่านปราณีมิรอรียกไปได้ทานกัน
สิบเอ็ดคนเด็กวัดยายจัดให้เสร็จจักได้ทำกิจอื่นพร้อมสรรพ์
แปดโมงต้องไปเรียนนี่สำคัญมีบางวันไปสายมีหวายรอ
ครูมองหน้าไม่ถามไม่ต้องสอบรู้คำตอบเด็กวัดสายอีกหนอ
คนละสามไม่เรียวตีแค่พอระเบียบขอเบาเบาครูเข้าใจ
มิได้สายเพราะชอบจะเตร็ดเตร่มัวโอ้เอ้ชักช้ามาสายไฉน
แต่กิจวัดบางครามาสายไปต้องรับใช้วัดก่อนค่อยมาเรียน
อยู่มอหนึ่งสองสามที่โนนสังตอนนั้นยังแห่งเดียวสอนอ่านเขียน
เอกชนท่านจัดมาจำเนียรได้พากเพียรศึกษาวิชชาการ
เขาสอนเป็นชั่วโมงแปลกใจนักได้รู้จักคุณครูสอนประสาน
ครูละเรื่องวิชาตามเชี่ยวชาญครูบางท่านสอนคณิตวิทยา
สอนพีชสังคมภาษาไทยบางคาบได้เรียนอังกฤษประสิทธิ์การ
คัดเขียนไทยเรียงความและวาดภาพมิเคยทราบลูกเสือสนุกสนาน
ปีหนึ่งมีสามเทอมสอบประมาณสามครั้งผ่านสอบซ้อมพร้อมประเมิน
สอบประเมินเลื่อนชั้นเรียกสอบไล่ต้องสอบได้เลื่อนชั้นสรรเสริญ
ญาติพี่น้องยินดีพ่อจำเริญสอบตกเกินเจ็บอกกว่าตกตาล
ต้องซ้ำขั้นหนึ่งปีมันเจ็บปวดสมัยทวดเขาประเมินจัดสอบสาน
เราสอบได้ที่หนึ่งมานับนานประถมผ่านที่หนึ่งมาสี่ปี
มัธยมเป็นหนึ่งยึดไว้ได้สบายใจเรื่องเรียนเพียรวิถี
เขาจัดเรียนกวดวิชาเรามิมีค่าเรียนชี้แพงไปไม่มีเงิน
แต่ผลสอบที่หนึ่งประจำเสมอพวกเพื่อนเกลอมันล้อจนนึกเขิน
มึงรู้จักข้อสอบดีเหลือเกินที่หนึ่งเพลินทุกทีบักหมีดำ
ความจริงเรืองเรียนดีเคยมีชื่อนามระบือสอบปอสี่นี่น่าขำ
คะแนนสูงที่หนึ่งยังจดจำที่อำเภอกมลาไสยชนะมา
เขาให้สิทธิ์เรียนต่อหกปีครบเรียนจนจบมัธยมกิจศึกษา
แต่ก็พลาดครอบครัวย้ายอำลาสืบเสาะหาที่ทำกินย้ายถิ่นเดิม
กาฬสินธุ์ถิ่นเก่ากมลาไสยเก้าแปดได้ย้ายมาศึกษาเสริม
มัธยมโนนสังเรียนต่อเติมตอนนี้เริ่มเป็นคนเมืองอุดร
สามปีจบมอสามตามที่หมายพ่อให้ย้ายเรียนเกษตรอนุสสรณ์
สองพันห้าร้อยหนึ่งจึงต้องจรแบบกินนอนที่ชัยภูมิประจำการ
เขารับเด็กสองห้องเก้าสิบคนห้องแรกผลจากคัดตามที่ขาน
นักเรียนทุนเรียนดีคัดคนชาญจังหวัดผ่านแผนเขตเกษตรกรรม
เหลือสอบเลือกทั่วไปสี่สิบห้าพ่อเราพาไปสอบยังนึกขำ
ได้ที่สามสิบเก้ายังจดจำเจ็บใจซ้ำมิเคยโหล่โง่หรือเรา
แต่นั้นมาตั้งใจใฝ่ศึกษาอ่านตำรามากมายให้หายเขลา
ห้องสมุดโรงเรียนก็มิเบาอ่านจบเมาแทบทุกเล่มสบายสบาย
เว้นเฉพาะภาษาต่างประเทศมันมีเหตุอ่านมิออกยากเหลือหลาย
ภาษาไทยอ่านได้มีมากมายจนกลับกลายเป็นหนอนแทะตำรา
ห้องสมุดโรงเรียนหมดสนุกอ่านทุกเล่มอ่านไวด้วยเชียวหนา

สามร้อยใบต่อวันคืออัตราฝึกปรือมาต้องทำประจำวัน
พวกการตูนนิยายช่วยได้มากมิลำบากสามร้อยยังนึกขัน
หนังสือภาพเปิดดูนับหน้ามันสามร้อยนั่นน้อยไปไม่เยากเย็น
พอสอบไล่แปลกดีได้ที่หนึ่งแถมยังตรึงเอาไว้ให้ได้เห็น
คนเรียนเก่งของจริงต้องเรียนเป็นดูเปอร์เซ็นต์แปดสิบบวกทุกเทอมไป
สามปีจบเกษตรได้ที่หนึ่งแต่ก็ถึงตอนจบเหตุไฉน
ปีสองห้าศูนย์สามเขารับให้มีสิทธิ์ได้สอบรับราชการ
ครูมอหกประถมรุ่นสุดท้ายอีกมากมายเพื่อนเราเขาประสาน
พวกเกษตรตำบลคนทำงานขาดคนท่านรักเพิ่มมอหกไป
เสียดายเราอายุต่ำกว่าเกณฑ์แค่รู้เห็นมิมีสิทธิ์ทำไฉน
ยังมิขึ้นทะเบียนทหารไงสิบแปดไซร้เขารับเข้าทำงาน
ต้องรออีกสองปีถึงมีสิทธิ์แต่เขาปิดรับแล้วฟังว่าขาน
เลิกรับครูมอหกประจำการจะต้องผ่านปอกอศอประกาศมี
พวกเกษตรตำบลรับสูงขึ้นจนชักมึนทำไฉนในวิถี
เคยวาดหวังเอาไว้สิบแปดปีคงเปรมปรีดิ์ได้สอบระบอบการ
เป็นอันจบไม่มีที่ให้สอบถึงมิชอบอยู่เรือนเพื่อเขาขาน
ถามอยู่เรื่อยเมื่อไรจะได้งานอายนะท่านเรียนจบว่างวันวัน
สาระพัดสำเนียงเสียงติฉินยินเขาว่าเรียนไปไม่สร้างสรรค์
เสียเงินทองมากมายนับหมื่นพันงานสักอันก็ไม่มีไม่สมควร
มิอยากยินก็ต้องฟังพลังตกยากจักยกใจสู้ดูน่าสรวล
คงเป็นช่วงตกอับกลับนึกชวนให้ทบทวนชีวิตอนิจจัง
ปีสองห้าหนึ่งศูนย์พูนสวัสดิ์อัตคัตชีวิตที่ผิดหวัง
ถึงคราวเปลียนทางดีคงจีรังได้ขึ้นฝั่งโลกธรรมบรรพขา
ได้เข้าบวชเป็นพระละเคหาสน์ฝึกฉลาดทางธรรมนำศึกษา
ตรีโทเอกเปรียญพากเพียรมาเป็นมหาสี่ประโยคโชคชำนาญ
มีโอกาสช่วยศาสนกิจสั่งสอนศิษย์นักธรรมนำประสาน
สอนเปรียญสองสามกระทำการรักทำงานตอบแทนคุณธรรม
เป็นเลขาเจ้าคณะอยู่สามปีจบกันที่หนึ่งหกตกตอนขำ
ลาสิกขาบรรจุครูประจำประกอบกรรมจนเกษียณหกสิบปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น