วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คำนำ




คำนำ

            บลอกเก่าเลิกใช้ไปนานเกือบปี  เอามาปัดฝุ่นไว้โพสข้อเขียนต่าง ๆ ไว้ให้ลูกหลานเขาอ่านเล่นกัน ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวเองก่อน เพราะลูกหลานบางคนรู้แต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัวก็มี ในคำนำนี่แหละจะขอแนะนำตัวไว้ด้วย จะได้ไม่ต้องถามว่า ตาคือใคร มาจากไหน
............1. ชื่อ นายขุนทอง ศรีประจง อันนี้ชื่อในทะเบียนบ้าน ที่ลุงผู้ใหญ่บ้านแกเป็นคนตั้งให้ ปี 2487
ครอบครัวตาอยู่ที่นั่น (บ้านแก ตำบลธัญญา อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์)พ่อเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ลูกคนสุดท้องเกิดมาเป็นผู้ชาย ปีที่โรคห่ากำลังระบาดคนตายเป็นเบือ แต่เราดันเกิดมาซะนี่ บางคนเลยด่าเอา "อ้ายหอก เกิดมาทำไม คนเขากำลังยุ่งตายห่า" การแจ้งเกิดเลยล่าช้า พ่อจดชื่อ วันเดือนปีเกิด
ใส่กระดาษไปฝากลุงผู้ใหญ่บ้าน เพราะแกไปประชุมที่อำเภอทุกเดือน  พ่อบอกชื่อ เด็กชาย สิงห์ทอง ศรีประจง คงหลายวันกว่าจะมีประชุมรับเงินเดือน ลุงแกนึกขึ้นได้เลยไปแจ้งเกิด ตายละปี้หาย จำชื่อหลานไม่ได้ แต่แน่ใจว่ามีคำทอง ๆ เลยได้ชื่อ ขุนทอง ดีที่แกรู้นามสกุลผู้ช่วยจำได้ว่า ศรีประจง ถ้าลืมคง
ให้ใช้นามสกุลแกอีกแน่ ผู้ใหญ่สมบูรณ์ โพนเงิน แกบอกเด็กเกิดวันที่ 4 มิถุนายน 2487 นี่คือ วันประชุม
รับเงินเดือน ไม่ใช่วันเกิดจริง  เคยไปขอคัดสำเนาสมัครเรียนต่อ ม. 4 เจ้าหน้าที่ลายมือหวัดมาก แถมกระดาษยับตรงตัวเลขวันที่เกิด ครูผู้รับสมัครเดาว่า วันที่ 1 มิถุนายน 2487 เรารู้ว่าเดาผิด แต่ชอบใจ ที่เกิดเต็มเดือนเลยปล่อย ๆ มาจนทุกวันนี้
...........2.เคยมีครูถามชื่อเธอแปลว่าอะไร คนอื่นเขามีชื่อเพราะ ๆแต่ไม่ค่อยรู้ความหมาย เพราะเป็นชื่อ
ทันสมัย เป็นคำบาลีสันสกฤต เวลาแนะนำตัวต้องไปหาคำแปลมาเล่าให้ฟังด้วย แต่ชื่อเรามันคำลาว
แท้ ๆ ยังจะให้แปลอีก เลยบอกว่า มันชื่อนกน่ะครับ สงสัยตอนเกิดใหม่ ๆ ร้องหนวกหู พ่อเลยให้ชื่อเป็นชื่อนกมั้ง โดนเขกกบาล 1 ที บางทีชื่อไม่ต้องแปลหรอก เรียกชื่อ ก็หมายถึงเรานั่นแหละ เสียเวลาแปลทำไม
..........3.นิสัยชอบศึกษาหาความรู้ ชอบจดจำ   เห็นพี่สาวกับแม่ทำข้าวเกรียบ(เข่าเขียบ)ก็สงสัยว่าทำไม
ต้องไปขุดเอารากเครือตดหมา(ตูดหมูตูดหมา) เอามาสับ ๆ ๆ แช่เอาน้ำไปนั่งปัดสากครกมองเวลาตำข้าวเหนียว "ไม่ให้มันติดสากไง กลิ่นมันหอมด้วย รสก็หวานด้วย" แม่อธิบาย โชคดีถ้าเป็นพี่สาวละก็โดนด่าก่อนบอกแน่  เห็นพี่ชายสานตะกร้อหวาย นั่งดูอยากทำเป็น ไปเอาใบมะพร้าวมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ ลอง
ทำบ้างที่สุดก็ทำได้ ต่อมาเมื่อเขาให้หัดทำเครื่องจักสาน หัดทำเครื่องมือทำไร่ทำนา เลยทำได้หมด
พร้อมที่จะมีครอบครัวได้สบาย ๆ
.........4. โชคดีมากที่ได้เรียนต่อมัธยม แม้ว่าจะเรียนจบแล้วไม่ได้เป็นข้าราชการก็ตาม แต่ความรู้มันติดตัว
อยู่ไม่หายไปไหน ได้บวชนอกจากสอนนักธรรมบาลี ยังได้ช่วยสอนคณิตศาสตร์ การศึกษาผู้ใหญ่ให้โรงเรียนของหลวงพ่อด้วย ทำให้มีสิทธิ์สอบเทียบ พ.กศ. และ พ.ม. ซึ่งนำมาใช้สอบบรรจุเป็นครูในเวลาต่อมา
.........5. ช่วงที่บวช เดิมสัญญากับพ่อแม่จะบวชพรรษาเดียว สึกออกมาแต่งงาน แต่พอได้ศึกษานักเรียน
ปริยัติธรรมก็ชอบ จนสอบได้นักธรรมตรี โท และเอก สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค เคยไปเรียนเป็นนักเทศน์ที่สำนักเรียนหนองหาญจาง น้ำพอง ขอนแก่น 2 ปี สามารถเทศน์ปุจฉาวิสัชนาได้   เทศน์หก
กษัตริย์ได้ เป็นครูสอนนักธรรม บาลี 3 ปี  เป็นเลขาเจ้าคณะอำเภอ 3 ปี
.........6. เป็นครูมัธยม บรรจุที่โรงเรียนศรีสงค
รามวิทยา วังสะพุง จังหวัดเลย 1 พฤษภาคม 2516 ไป
ดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น 1 เดือน เมื่อปี 2522 เป็นผู้ช่วยผู้บริหารโรเงรียน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสามัญศึกษา
รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้ตรวจราชการเขตพื้นที่การศึกษา เกษียณ 30 กันยายน 2547

         7. แถมอีกข้อ เรื่องการใช้ชื่อสำหรับเขียนงานต่าง ๆ ถ้าเป็นงานวิชาการ ใช้ชื่อจริง งานเขียนบทกวีนิพนธ์ ใช้นามแฝง กะเหรี่ยง ดอยผาสิงห์  จริญญา ศรีทอง เฟซและบลอก ใช้ชื่อนี้ Sritong ที่ใช้หลายชื่อ เพราะงานมันมีมาก ดูแต่เฟซและบลอก เปิดเดือนเดียว ข้อเขียน 20 กว่าเรื่อง ก็กะว่าสัก 100 เรื่อง ก็เปิดบลอกใหม่ คือเขาให้บลอกละ  100 หัวข้อ
.........ยังมีอีกมากที่ไม่ได้พูดถึง โดยเฉพาะด้านประสบการณ์ในการทำงาน และการศึกษาค้นคว้า  
คิดว่าแค่นี้ก็ยาวเกินแล้ว  อ้อ...ปัจจุบันไปอยู่ที่แปดริ้วกับภรรยาคนที่ 2 มีความสุขสบายตามอัตตภาพ

                                                                          นายขุนทอง ศรีประจง
                                                                             30 มิถุนายน 2559